
ยึดตามหนังสือ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ส่งถึงรอง ผบ.ตร., จเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้ช่วย ผบ.ตร., รองจเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการ (ผบช.), จเรตำรวจ (จตร.) และผู้บังคับการ (ผบก.) เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา เรื่องการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.และรองจเรตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึงผู้บังคับการ นอกวาระประจำปี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้หน่วยงานระดับ ผู้บังคับการ (ผบก.) เป็นหัวหน้า ให้ ผบก.พิจารณาจัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และข้อมูลผู้ที่ยังไม่เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระดับ
รอง ผบก.เลื่อนเป็นระดับ ผบก. ส่งหน่วยงานเหนือขึ้นไปหนึ่งระดับในวันที่ 10 พ.ย. จากนั้นให้ระดับ บช.พิจารณาจัดทำข้อมูลเสนอแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ว่าง ส่ง ตร. (ผ่าน ทพ.) ภายในวันที่ 14 พ.ย. นั้นก็แสดงว่า ไม่น่าจะเกินวันที่ 20 พ.ย. วงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่มี นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นั่งหัวโต๊ะประธาน น่าจะได้ฤกษ์ทำบัญชีแต่งตั้ง "นายพล" นอกฤดูแทน 3 ตำแหน่งว่างจากผู้ที่ลาออกตามโครงการเออร์ลีรีไทร์ เมื่อมขยับแทนผู้ที่เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นก็น่าจะมีการแต่งตั้งทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ๐
เดือดจริงๆ หลังอดีตตำรวจคนดังออกมาพาดพิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหลายร้อยนาย ทำให้ 4 องค์กรตำรวจ ทั้ง สมาคมตำรวจ, สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ นำโดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. ต้องยื่นหนังสือถึง ผบ.ต่าย เรียกร้องให้ดำเนินการทางวินัยและอาญากับอดีตตำรวจคนดัง เพราะมองว่าการออกมาใส่ร้ายองค์กรตำรวจ เป็นการบั่นทอนและทำลายชื่อเสียง รวมทั้งทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจ เนื่องจากองค์กรตำรวจก่อตั้งมานานเป็นร้อยปี จึงต้องการกอบกู้ศรัทธา "พล.ต.อ.วินัย" บอกหากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ขอให้นำมามอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเอาผิดและจัดการกับตำรวจไม่ดี บิ๊กแรก-พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน ยืนยันกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับทุกคนที่กล่าวหาใส่ร้ายองค์กรตำรวจโดยปราศจากหลักฐานอย่างเด็ดขาด เรียกว่าศึก "สีกากี" ครั้งนี้...ร้อนแรงจริงๆ ๐
ไม่หายหน้านาน บิ๊กจวบ-พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข อดีตรอง ผบ.ตร. และอดีต ผบช.ภ.5 นายตำรวจคนดังทางภาคเหนือ หลังเกษียณอายุราชการไปเมื่อ 30 ก.ย. 2568 ตอนนี้ได้รับหน้าที่ใหม่ดำรงตำแหน่ง "ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา" ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับรายนี้ บิ๊กเต๋อ-พล.ต.ท.ไพศาล ลือสมบูรณ์ หัวหน้าจเรตำรวจ อดีต ผบก.หนองคาย ถอดเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เข้าสู่ชายคา "ภูมิใจไทย" เตรียมพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต 1 จังหวัดหนองคาย ส่วนรายนี้ยังไม่ได้ไปลงการเมือง เพียงแต่ในการประชุม ครม.วาระเดียวกับแต่งตั้ง บิ๊กจวบ ไปนั่งเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทาง ครม.ก็มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอชื่อ บิ๊กแจง-พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. เป็นกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง มีผลตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2568 เป็นต้นไป ๐
“แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการกองทัพบก ที่ยังคงเดินสายเป็นวิทยากรพูดถึงประสบการณ์ในช่วงที่เกิดการสู้รบไทย-กัมพูชาเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ปลุกกระแสความรักชาติรักแผ่นดินด้วยพลังกาย พลังใจของทหารเกษียณ แต่ตอนนี้ก็มีเสียงสะท้อนจากมิตรรัก แฟนคลับ เป็นห่วงในเรื่องการตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และกำลังพลที่ประสบปัญหาต่างๆ เพราะต้องมองว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ เป็นของร้อนที่ต้องระมัดระวัง แม้เป้าหมายและเจตนารมณ์ตั้งมั่นเพื่อส่วนรวม ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส แต่ปัจจุบันภาพลักษณ์การจัดตั้งมูลนิธิไม่ค่อยดีเท่าใดนัก แต่ "แม่ทัพกุ้ง" ยืนยันว่า หากได้รับการอนุมัติจัดตั้งก็จะดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด การใช้เงินทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ และเป็นแบบอย่างเป็นไปตามระเบียบของข้อกำหนดของทางราชการ โดยจะนั่งเป็นประธานมูลนิธิเพื่อคุมภาพรวมของการใช้จ่ายเอง แม้จะมีพี่ๆ น้องๆ ข้างกายเป็นคนประสานการดำเนินการให้ก็ตาม ๐
พล.ต.ประเทือง ปิยกะโพธิ์ รอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ นำคณะเจรจาฝ่ายไทย 7 นาย ประชุมร่วมกับคณะเจรจาของ CMAC ฝ่ายกัมพูชา 7 นาย โดยมีคณะ AOT ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาเข้าร่วมสังเกตการณ์ในภูมิประเทศจริง บริเวณหลักเขตแดนที่ 47 บ้านหนองจาน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จุดนี้ถือเป็นพื้นที่นำร่องแห่งเดียวที่กัมพูชาเข้าร่วมดำเนินการกับไทย โดยยกให้เป็นผลการหารือของ "คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี” ไม่ใช่ในกรอบของถ้อยแถลง หรือ JD โดยไทยเสนอไป 5 จุด แต่กัมพูชาไม่ตอบรับดำเนินการร่วม แต่ยอมรับว่าจะไม่ขัดขวาง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทหารกัมพูชาขัดขวาง TMAC ของไทยที่กำลังเข้าพื้นที่บ้านสายโท 10 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ภายหลังการยอมให้ฝ่ายไทยเข้าไปดำเนินการเก็บกู้ได้ ทำให้การหารือที่สระแก้วครั้งนี้ ทาง TMAC จึงได้เสนอให้กัมพูชาเร่งพิจารณากำหนดพื้นที่นำร่องเพิ่มเติม จากที่ฝ่ายไทยเคยเสนอไป 13 พื้นที่
เมื่อพิจารณาเรื่องการถอนอาวุธของฝ่ายกัมพูชา ทาง AOT จะรายงานผลการปฏิบัติไปที่มาเลเซีย ก่อนที่จะส่งมาที่กองทัพฝ่ายไทยให้ได้รับทราบว่ามีการดำเนินการจริงหรือไม่ และเมื่อมีการโชว์ภาพเคลื่อนอาวุธมายังจุดเช็กพอยต์ จะเคลื่อนขบวนกลับไปที่ บก.ภูมิภาคทหารที่ 4 ซึ่งอยู่ลึกเข้าไป 50 กม.หรือไม่ อีกทั้งเมื่อครบเฟส 1 ในวันที่ 21 พ.ย.ตามกรอบที่ได้ตกลงไว้นั้น มีความจริงใจและชัดเจนแค่ไหน เช่นเดียวกับเรื่องเก็บทุ่นระเบิด จะมีความร่วมมือมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ หากประเมินว่ามีความตั้งใจจะลดความเป็นปรปักษ์กับไทยได้พอ การปล่อยเชลยศึกทั้ง 18 คน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งได้เตรียมการเบื้องต้นวันที่ 12 พ.ย.นี้ ก็จะเดินหน้าต่อไป ภายกรอบเวลาของการถอนอาวุธเฟส 1 ที่กำหนดไว้ในวันที่ 21 พ.ย. โดยระหว่างนี้รัฐบาลจะได้แต่งตั้งศูนย์ในการติดตามการปฏิบัติ โดยมี พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็น ผบ.ศูนย์ เพื่อประเมินความเป็นปรปักษ์ของกัมพูชา และการดำเนินการของฝ่ายไทยต่อไป ๐
เป็นกระแสของคนในพื้นที่อีสานใต้ซึ่งยังไม่เชื่อใจกัมพูชาว่าจะมีความจริงใจ และเชื่อว่าในวันหนึ่งกัมพูชาต้องใช้เล่ห์กล ในการแอบรุกคืบเข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและภูมะเขือ ดังนั้นปรากฏการณ์ทวงคืนปราสาทตาควาย ปราสาทคนา หรือแม้กระทั่งพื้นที่ตามาเรีย รวม 3 พื้นที่ ซึ่งฝ่ายเรายังต้องเอาคืนมาให้ได้ จึงมีความเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนี้จึงเป็นช่วงของการรอดูรัฐบาลและกองทัพ ว่าจะมีวิธีในการนำกลับคืนมาให้ได้อย่างไร แต่ในพื้นที่ยังคงมีการเตรียมพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ โดย "แม่ทัพเติ่ง" พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ไปดูความเป็นอยู่ของทหารที่อยู่หน้าแนวหลายจุด นอกจากสถานการณ์ด้านมวลชนที่อยากทวงคืนพื้นที่ที่เสียไปแล้ว การเมืองในเรื่องการชิงความนิยมเพื่อไปสู่การเลือกตั้งยังปรากฏให้เห็น จึงเชื่อกันว่าหลัง AOT ติดตามผลการปฏิบัติในช่วง 3 เดือนนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว ยังมีแค่ความไม่แน่นอน โดยกองทัพต้องยึดถือคัมภีร์เพื่อไม่แพ้ในเวทีนานาชาติ คือป้องกันและได้สัดส่วน แต่เหรียญอีกด้านก็เป็นอุปสรรคในการทวงคืนพื้นที่พอสมควร อุณหภูมิเรื่องไทย-กัมพูชาจึงไม่ได้เย็นลงไปอย่างที่คิด แต่พร้อมจะปะทุได้อยู่ตลอดเวลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์


