ซื้อขายเก้าอี้ทำป่วน!

เดินหน้าไปอีกก้าว การแต่งตั้งระดับ “นายพล” นอกวาระประจำปี ทดแทน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร, พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองจเรตำรวจ​ เทียบเท่า รอง ผบช. และพล.ต.ต.นิรันดร์ ทองฤทธิ์ ผบก.ศพฐ.3 ที่เข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล หรือเออร์ลีรีไทร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ประชุมบอร์ดกลั่นกรอง ตร.พิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ให้ดำรงตำแหน่งระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง จตช. ลงมาถึง ผบก. นอกวาระประจำปี ใช้เวลา 4 ชม. ตีตราประทับ 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วย รอง จตช. 

1 ตำแหน่ง, ผบช. 1 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 2 ตำแหน่ง และ ผบก. 3 ตำแหน่ง ยึดตามกฎ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด เรื่องลำดับอาวุโส ผลงานและประวัติการรับราชการ บิ๊กโบ๋-พล.ต.ท.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบช.กมค. ขยับขึ้นเป็นรอง จตช. แล้วดัน พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5 อาวุโสอันดับ 1 ขึ้นเป็น ผบช.กมค. เป็นต้น ซึ่งหลังจากนี้ ผบ.ต่าย จะนำรายชื่อทั้งหมดเสนอเข้าสู่วงประชุม ก.ตร. ที่มี นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน ก.ตร. ในวันที่ 28 พ.ย. 2568

ส่วนคิวการแต่งตั้ง "นายพัน" วาระประจำปี 2568 ที่ขีดเส้นแจ้งทุกหน่วยจัดทำบัญชีแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. 2568 คำสั่งมีผลวันที่ 1 ธ.ค. และตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งเดินทางเข้ารับตำแหน่งใหม่และรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดใหม่ภายในวันที่ 8 ธ.ค. ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้า ในส่วน บช.แต่ละแห่งกำลังเร่งจัดทำบัญชีแบบเข้มงวด หลังโดนถล่มซื้อขายเก้าอี้แต่งตั้ง โดยเฉพาะผลพวง 8 โลภาค 8 จน "ผบ.ต่าย" ต้องเรียก บิ๊กโล่-พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.ภ.8 พร้อม รอง ผบช.ภ.8 มาพูดคุยส่วนตัว ก่อนมายืนยันการันตี "เรื่องที่ปรากฏตอนนี้ เป็นเรื่องของการบอกข่าวสารผ่านสื่อมวลชน ออกสื่อโซเชียล แต่ผมพูดตรงนี้เลยว่ามีหลักฐาน พยาน ข้อมูลที่ชัดเจนหรือไม่ ถ้ามีผมขอเอามาให้เถอะว่ามีหลักฐานตำรวจตั้งโต๊ะ (ซื้อขายตำแหน่ง)" กระนั้นก็ทำให้ทุก บช.ต้องคัดกรองรายชื่อกันอีกรอบ เพื่อไม่ให้มีเรื่องมีราว มีข่าวฉาวโฉ่อีก เช่นเดียวกับหน่วยขึ้นตรง สง.ผบ.ตร. ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ผบ.ต่าย พร้อม รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ก็ประชุมบอร์ดแต่งตั้งไปเรียบร้อย รอตรวจทานความถูกต้องพร้อมกับบัญชี บช. สิ้นเดือนนี้บัญชีแต่งตั้ง "นายพัน" ก็น่าจะประกาศออกมา ๐

            เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำจากอดีตตำรวจใหญ่ที่น่าสนใจ ในช่วงเวลาองค์กรตำรวจถูกทิ่มแทงจนพรุนไปทั้ง "กรมปทุมวัน" จาก บิ๊กเม่น-พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก "Panya Maman" เนื้อหาระบุ "มีภาพข่าวตำรวจหลายหน่วยตั้งแถวกล่าวคำปฏิญาณและอุดมคติตำรวจ พร้อมยืนยัน 'เป็นตำรวจของประชาชน' พร้อมพิทักษ์ปกป้องคุ้มภัยและบริการประชาชนดุจญาตมิตรและยืนยัน 'ไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม'  ถือเป็นการตื่นรู้ของตำรวจทุกหมู่เหล่า จากนี้ต้องเร่งปราบปรามขจัดโจรผู้ร้ายและตำรวจเลว ข้าราชการเลว นักการเมืองเลวออกจากสังคมไทยโดยด่วน ส่วนใครจะดูแคลนว่าร้าย กล่าวหาก็ต้องอดทนต่อความเจ็บใจ เร่งปราบปรามและป้องกันภัย แม้ยากลำบากก็ต้องทำให้สำเร็จ ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนจะเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อผลการกระทำเห็นเป็นรูปธรรม" เหมือน 9 ข้ออุดมคติที่ตำรวจทุกคนท่องจำ 1.เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ 2.กรุณาปรานีต่อประชาชน 3.อดทนต่อความเจ็บใจ 4.ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก 5.ไม่มักมากในลาภผล 6.มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน 7.ดำรงตนในยุติธรรม 8.กระทำการด้วยปัญญา 9.รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต ซึ่งหากเหล่า "สีกากี" ทำตามสิ่งที่ปฏิญาณได้ เชื่อว่า "องค์กรตำรวจ" จะสลัดภาพ "องค์กรอาชญากรรม" ที่ถูกกล่าวหาได้ดีกว่าตั้งแถวกล่าวคำปฏิญาณ เพราะการกระทำดังกว่าคำพูด ๐

สัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังอยู่ในช่วงการดูเชิง และเตรีมความพร้อมกันอยู่ จุดสนใจย้ายไปที่การเมืองที่กำลังเข้มข้นทุกมิติ อย่างไรก็ตามกองทัพก็ประมาทไม่ได้ ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของกัมพูชาว่าจะเดินเกมอย่างไร ในแง่ของการทูตทางทหารและความร่วมมือในการฝึกร่วมยังคงต้องทำอย่างคู่ขนานและต่อเนื่อง โดยเร็วๆ นี้ ในส่วนของ "กองทัพเรือ" มีโปรมแกรมฝึกกับอาเซียนและมหาอำนาจทางทะเล 4 รายการ ได้แก่ การฝึกผสมทางทะเลระหว่างอาเซียน-สหรัฐอเมริกา (ASEAN-U.S. Maritime Exercise: AUMX) ครั้งที่ 2 ใน ธ.ค. 68, การฝึกผสมทางทะเลระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐอินเดีย (ASEAN-India Maritime Exercise: AIME) ครั้งที่ 2 ในปี 69 โดยจัดการฝึกช่วงเดียวกับการฝึกภาคสนามของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางทะเล ในกรอบ ADMM-Plus (ASEAN Defence Ministers’ Meeting Experts’ Working Group on Maritime Security: ADMM-Plus EWG on MS), การฝึกผสมทางทะเลระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี และ การฝึกผสมทางทะเลระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งที่ 2 ในปี 70 โดยให้ดำเนินการฝึกช่วงเดียวกับการฝึกผสมพหุภาคี ทร.ประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Maritime Naval Exercise: AMNEX) ครั้งที่ 4 ซึ่งมีแผนการฝึก ณ สิงคโปร์ในปี 70 เป้าหมายคือเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุกในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่เป็นรูปธรรมระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 

"พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์" ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  จัดประชุมสภากลาโหมสัญจร ที่กองบัญชาการกองทัพไทย แจ้งวัฒนะ พร้อมไปกับการจัดนิทรรศการ สาธิตการปฏิบัติของหน่วยขึ้นตรง ให้ "บิ๊กเล็ก" พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมภายในคราวเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณตามเจตนารมณ์ของ รมว.กลาโหม เนื้อหาการประชุมนอกจากวาระปกติแล้ว ได้มีการกำชับในเรื่องของการติดตามข่าวสาร และชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้เฟกนิวส์ของกัมพูชา โดยกระทรวงกลาโหมก็จะพยายามชี้แจงข่าวสารให้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งปรับการชี้แจงของกองทัพให้เป็นเอกภาพมากขึ้น ถ้ามีประเด็นเกี่ยวข้องกับเหล่าทัพใดก็ให้เหล่าทัพนั้นเป็นผู้ชี้แจง ส่วนการมอบนโยบายให้กองทัพเตรียมพร้อมสูงสุดหากเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนนั้น ทั้งนี้ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดการปฏิบัติ แต่ได้ย้ำชัดเจน “ถ้ามีกำลังของฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามา ฝ่ายไทยก็จะปฏิบัติตามกฎการใช้กำลัง  เริ่มจากการเตือนด้วยวาจา แต่หากยังรุกล้ำก็จะยิงเตือน และถ้ารุกล้ำเข้ามาอีกก็ต้องยิงตรง ชัดเจนในทิศทางการปฏิบัติตามขั้นตอน คนหน้างานไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง"

มีความคืบหน้าในการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมโครงการจัดหา “เรือฟริเกต” หลังจากมีการอนุมัติงบประมาณในปี 2569 ไปแล้ว 1 ลำ สัปดาห์ก่อนเห็น พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ไปชมนิทรรศการอาวุธ Defense and Security ในบูธต่างๆ ของหลายประเทศ ทั้งของประเทศตุรกีซึ่งมี 3 บริษัท รวมถึงเกาหลีใต้ก็มีอยู่ 3 บริษัทเช่นกัน ได้แก่ โอเชียน, ฮุนได, เอสเค เจ้าตัว ยืนยันว่าในโครงการนี้จะต้องมี Offset Policy หรือการต่อเรือในประเทศเพื่อให้ได้ผลตอบแทนคืนทางเศรษฐกิจเพื่อประชาชน โดยต้องต่อเรือภายในประเทศให้ได้สัดส่วนมากที่สุดด้วย ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกแบบ  โดยมี พล.ร.อ.กรวิทย์ ฉายะรถี ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการเป็นประธาน และอยู่ระหว่างการร่างทีโออาร์ และหากต้องทำการจัดหาเป็นแพ็กเกจร่วมกับลำที่ 2 ก็จะขอความกรุณาจากรัฐบาลในการพิจารณาอนุมัติจาก ครม.ต่อไป เพื่อให้การเจรจากับเอกชนง่ายขึ้น. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริงเทียมทำร้ายสังคม

การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)

น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'

ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้

เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'

ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569

ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว

เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน

ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์

แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'

หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์