
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้ เสียน้ำตาเมื่อเห็นความทุกข์ ความเดือดร้อน ของผู้ที่ต้องทนทุกข์เพราะตัวเองยังช่วยอะไรไม่ได้ แต่ยังลุกลามตั้งแต่นครศรีธรรมราช ไปจนถึงตรัง-กันตัง บ้านเดิมของ อันตัวข้าพเจ้าเอง และอีกหลายต่อหลายจังหวัด ด้วยเหตุนี้...ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างพยายามช่วยเหลือ เยียวยา ความเดือดร้อนแก่กันและกัน มันคงหนีไม่พ้นต้องมีบ่น มีระบาย มีดุด่าว่ากล่าว โทษโน่น โทษนี่ ไปตามประสา ไม่ว่าตั้งแต่ เทศบาล ไปยัน รัฐบาล อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าใครผิด-ใครถูก ใครตื่นตัว-ไม่ตื่นตัว ใครที่ควรระแวดระวัง-ที่ไม่ควรประมาท ฯลฯ อันนั้น...คงไม่น่าจะถึงขั้นที่ทำให้บรรดา ทวยไทย ทั้งหลาย ต้องสูญเสียลักษณะเด่น หรือลักษณะพิเศษแห่ง ความเป็นไทย ลงไปซักกี่มาก-น้อย โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกขานกันในนาม น้ำใจคนไทย อันเป็นตัวแสดงออกถึงความผูกพัน ห่วงใย ต่อความสุข-ความทุกข์ของผู้อื่น แม้อาจบ่น อาจระบาย อาจต้อง ด่า ใครต่อใครเอาไว้มั่ง แต่สุดท้าย...เมื่อเนื้อแท้ เมื่อ สัญชาตญาณ แห่ง ความเป็นไทย หวนคืนกลับมาเมื่อไหร่ การช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่ทนทุกข์ทรมาน มันน่าที่จะฟื้นคืน และช่วยดลบันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่าง...น่าจะพอ อยู่ๆ กันไปได้ ด้วยเหตุเพราะ คุณลักษณะ ที่ว่านี้นั่นเอง...
คือถ้าพูดกันอย่างที่ อภิมหาพระ อีกราย ท่านเจ้าคุณ พระธรรมปิฎก-ประยุทธ์ ปยุตฺโต ท่านเคย เทศน์ เอาไว้ในระหว่าง จาริกบุญ-จารึกธรรม หรือระหว่างเดินทางไปเยือนประเทศอินตะระเดีย เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ว่าสิ่งที่ทำให้บรรดาทวยไทย สังคมไทย ค่อนข้างมีลักษณะเด่น ลักษณะพิเศษ ก็คือความรู้สึกผูกพัน ห่วงใย ระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ หรือต่อ เพื่อนมนุษย์ ด้วยกันมาโดยตลอดนั่นเอง ไม่ว่าอยากให้เขาอยู่ดีมีสุข (เมตตา) อยากให้เขาพ้นไปจากความทุกข์ (กรุณา) หรือตัวเองพลอยยินดี ปรีดา เมื่อเห็นเขามีความสุข (มุทิตา) อันถือเป็น พรหมวิหารธรรม ตั้งแต่ข้อ 1 ไปจนถึงข้อที่ 3 อย่างค่อนข้างจะครบถ้วนสมบูรณ์กว่าใครอื่น...
เพียงแต่ดันมักจะขาดตกบกพร่อง หรือไม่มีในข้อที่ 4 อันทำให้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ในองค์ประกอบแห่งธรรมที่รู้จักกันในนาม พรหมวิหาร 4 อยู่เพียงแค่ประมาณ 1 ข้อเท่านั้น แต่ออกจะเป็นข้อสำคัญเอามากๆ นั่นคือข้อ อุเบกขา หรือข้อที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน ถูกรองรับเอาไว้ด้วย กฎแห่งธรรมชาติ ด้วยหลักความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ หรือด้วย ธรรม นั่นเอง ที่จะช่วยให้เกิดคุณลักษณะที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือ...พร้อมที่จะยึดหลักความถูกต้อง-เป็นธรรม เห็นแก่ธรรม-ไม่เห็นแก่คน ไม่ใช่ เห็นแก่คน-ไม่เห็นแก่ธรรม อันมักก่อให้เกิดอาการลูบหน้า ปะจมูก พะเน้าพะนอ อุปถัมภ์ ชนิดอะไรต่อมิอะไรเลยต้อง เละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก ขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใด จนได้!!!
ต่างไปจากสังคมฝรั่ง...ที่ให้ค่า ให้ราคา กับกฎ ระเบียบ ต่างๆ ของสังคม ซึ่งลอกเลียนเอามาจากกฎแห่งธรรมชาตินั่นแหละเป็นหลัก แบบชนิดใครจะแหกกฎ ละเมิดกฎ ไม่ได้โดยเด็ดขาด จนทำให้ไม่คิดจะไว้หน้าใครต่อใครแม้จะเป็น เพื่อนมนุษย์ ด้วยกันเองก็ตาม ความอยากที่จะเห็นผู้อื่นเป็นสุข (เมตตา) อยากให้เขาพ้นทุกข์ (กรุณา) และปลาบปลื้มยินดีที่เขามีความสุข (มุทิตา) มันเลยอาจไม่เหลือติดปลายนวมมากมายซักเท่าไหร่นัก เกิดการยื้อแย่ง แข่งขัน เกิดระบบ แพ้คัดออก อะไรทำนองนั้น หรือทำให้แม้นไม่ถึงกับเละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก แต่อาจเคร่งครัด เคร่งเครียด จนสังคมอาจ ระเบิด ขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่งเอาง่ายๆ...
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยทำให้ อภิมหาพระ ท่าน ประยุทธ์ ปยุตฺโต ท่านเลยต้องย้ำนัก ย้ำหนา เอาไว้ตั้งแต่ครั้งนั้น ว่าต้องยึดมั่นในธรรมให้ครบถ้วน บริบูรณ์ ให้ครบ พรหมวิหาร 4 จะขาดตกบกพร่องในข้อใด ข้อหนึ่ง ไม่ได้เลย ไม่งั้นอาจต้องออกไปทาง ตึงไป หรือ หย่อนไป ไม่ออกไปทาง กลางๆ หรือไม่ มัชฌิมาปฏิปทา ตามแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือแนวทางชาวพุทธได้แบบจริงๆ จังๆ และเหตุที่ต้องด่ากันไป-ด่ากันมา ระหว่างร้องห่ม ร้องไห้ เมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ หรือระหว่างที่คิดจะช่วยเหลือ เยียวยา เพื่อให้เขาเป็นสุข ก็น่าจะเป็นเพราะการปล่อยปละละเลยในข้อ อุเบกขา นี่แหละ หรือเพราะดันไม่ให้ความสำคัญกับ ธรรม กับกฎ ระเบียบ ความถูกต้อง ความไม่ประมาท จนเคยชิน เคยตัว ไปตามประสาไทยๆ ดังนั้น...ระหว่างที่ น้ำใจคนไทย กำลังหลั่งไหลสู่พี่น้องชาวปักษ์ใต้ ก็อย่าลืมหันมาเพิ่มพูน ความถูกต้อง-เป็นธรรม การ ยึดมั่นในธรรม ให้มากๆ เข้าไว้ เผื่อว่าวันใด-วันหนึ่ง สังคมไทย ของหมู่เฮาทั้งหลาย อาจครบถ้วน บริบูรณ์ ไปด้วย พรหมวิหาร 4 ขึ้นมาได้มั่ง!!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์
ซื้อขายเก้าอี้ทำป่วน!
เดินหน้าไปอีกก้าว การแต่งตั้งระดับ “นายพล” นอกวาระประจำปี ทดแทน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร, พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์


