
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จว.สงขลา โดยขาดจากบังคับบัญชาทางตำแหน่งเดิม ก็ต้องบอก "ฟังขึ้น" ด้วยข้อกล่าวหา "ขาดภาวะผู้นำในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา" ผบ.ต่ายบอก วันที่ลงพื้นที่กลับพบว่า ผกก.สภ.หาดใหญ่ไม่อยู่ในพื้นที่ และยังไปอยู่ในพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม ทั้งที่ลูกน้องและครอบครัวติดอยู่บนแฟลตตำรวจน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ไม่สามารถลงมาด้านล่างได้ ไม่มีอาหารกิน จน ผบ.ต่ายที่เตรียมอาหารไว้ 2 ลำเรือแจก
จ่ายประชาชนระหว่างทางหมด ต้องสั่งให้เตรียมอาหารเพิ่มให้ลูกน้องที่เป็นผู้ประสบภัยเหมือนกัน คราวนี้ก็คงต้องมาลุ้นคำสั่งแต่งตั้ง รอง ผบก.-ผกก.วาระประจำปี 2568 ที่จะคลอดออกมาในอีกวันสองวันนี้ จะมีชื่อ "พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม" ขยับด้วยหรือไม่ ยิ่งสวมเสื้อ "นรต.47" กลางหลัง อะไรทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ แถมเก้าอี้ "ผกก.หาดใหญ่" หากไม่ใช่ช่วงน้ำท่วมครั้งใหญ่ ต้องบอกเป็นเก้าอี้เกรด A+++ ด้วยซิ
เสร็จสิ้นเรียบร้อยการแต่งตั้ง “นายพัน” ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมาถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2568 โดยหน่วยขึ้นตรง สง.ผบ.ตร. "ผบ.ต่าย" ร่วมกับ รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ประชุมบอร์ด ตร.ไปเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนกองบัญชาการต่างๆ จัดทำบัญชีเสนอฝ่ายกำลังพล ตร.ขึ้นมาตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ตรงตามไทม์ไลน์การแต่งตั้งที่ ผบ.ต่าย ให้ทุกหน่วยจัดทำบัญชีแต่งตั้งตำรวจระดับ "นายพัน" ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. 2568 เป๊ะ ซึ่งคำสั่งมีผลวันที่ 1 ธ.ค. และตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งเดินทางเข้ารับตำแหน่งใหม่และรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดใหม่ภายในวันที่ 8 ธ.ค. ตอนนี้คำสั่งต่างๆ ก็เริ่มทยอยเผยแพร่ จะรู้อย่างเป็นทางการ ใครจะได้ ใครจะสมหวัง ใครจะผิดหวัง แต่สิ่งที่ตำรวจทุกนายต้องพึงสำนึก ณ ตอนนี้ ภาพพจน์ตำรวจตกต่ำอย่างมาก ถูกตราหน้าเป็นองค์กรอาชญากรรม ซึ่งไม่มีใครจะกอบกู้ภาพพจน์นี้ในสายตาประชาชนให้ดีขึ้นได้ นอกจากตำรวจทุกนายต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ไม่ใช่ซ้ำเติมองค์กรตัวเองให้ดำดิ่งลงไปอีก ๐
ไม่รู้ชีวิตจะวนเวียนกับตำแหน่ง "จเร" ไปจนเกษียณอายุราชการปี 2572 หรือเปล่า บิ๊กเสือ-พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพราะเพิ่งโยกจากเก้าอี้ รองจเรตำรวจแห่งชาติ มาสู่สายหลักตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อคำสั่งแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2568 วันที่ 1 ต.ค. 2568 ให้มาทำหน้าที่ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ดูแลงาน สส.2 และกม.2 เพียงแค่ 2 เดือน ก็โดนขยับกลับไปนั่งเก้าอี้เดิม "รองจเรตำรวจแห่งชาติ" ที่ว่างลงเนื่องจาก พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองจเรตำรวจแห่งชาติ เข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลหรือเออร์ลีรีไทร์ ในการพิจารณาแต่งตั้ง "นายพล" นอกวาระประจำปี เพื่อเปิดทางให้ บิ๊กโบ๋-พล.ต.ท.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (ผบช.กมค.) สายตรงนายกฯ อนุทิน ขยับขึ้นสายหลักนั่งเก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถมก่อนหน้านี้ตอนที่ "บิ๊กเสือ" ขยับจาก ผบช. ขึ้นระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ไปตกเก้าอี้เทียบเท่านั่งตำแหน่ง "จเรตำรวจ (สบ 8)" แล้วขยับไปเป็นจเรตำรวจ (สบ 8) (หัวหน้าจเรตำรวจ) มาแล้วด้วย ๐
น้ำท่วมหาดใหญ่ถือเป็นสถานการณ์อุทกภัยระดับ 4 ซึ่งมีแผนและโครงสร้างในการรับสถานการณ์อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเลือกใครเป็น ผบ.เหตุการณ์ ตามแต่การพิจารณาวินิจฉัย เพราะภัยพิบัติแต่ละเหตุการณ์ต้องใคร่ครวญเรื่องกลไกของการอำนวยการทุกภาคส่วนเข้าไปช่วยเหลือ เพียงแต่ต้องเลือกว่าแกนหลักจะเป็นใคร เริ่มแรก "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ตั้ง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ เป็น ผอ.ศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพราะอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว (แต่ในโครงสร้างรองนายกฯ ที่ดูแลด้านบรรเทาสาธารณภัยคือ รองฯ โสภณ ซารัมย์) โดยที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม คุมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหมส่วนหน้า ซึ่งเมื่อมอนิเตอร์เหตุการณ์ ก็ได้ตั้งขึ้นศูนย์ส่วนหน้าขึ้นที่กองบิน 56 โดยมอบหมาย พล.อ.ศราวุธ จันทร์พุ่ม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกลาโหมส่วนหน้า พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้บัญชาการในพื้นที่ แต่สถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้างและรุนแรงเกินกว่าโครงสร้างปกติจะรับมือได้
จนเป็นที่มาของการเรียกประชุมติดตามสถานการณ์น้ำจังหวัดภาคใต้ ช่วงเช้าวันเดียวกันที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ฯ เข้าร่วมประชุม จากนั้น "นายกฯ อนุทิน" ลงนามประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมยกระดับการจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง โดยมี พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็น ศป.กฉ.ส่วนหน้า แต่ก็ไปอยู่ภายใต้ ศป.กฉ.ที่มี “ภราดร ปริศนานันทกุล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ คุมการบัญชาการอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นโมเดลที่การเมืองเลือก เหมือนยุคที่รัฐบาลเพื่อไทยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย ที่นายกฯ ประกาศตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการ แต่ครั้งนั้นมอบหมาย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นประธาน ศปช.ส่วนหน้า แต่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะที่ปรึกษา ศปช.ส่วนหน้า ลงไปอยู่ในพื้นที่ 1 เดือน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดคุมพื้นที่ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหา
ขณะที่ “กองทัพเรือ” เปิดปฏิบัติการในทันทีเมื่อมีรายงานจากกองทัพเรือภาค 2 ผ่านศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ทำให้ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ สั่งการในโครงสร้างบรรเทาสาธารณภัย พร้อมนำเรือจักรีนฤเบศรออกจากท่า ตั้ง บก.ลอยน้ำเพื่อเป็นฐานบัญชา การส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่น้ำท่วม พร้อมส่งหน่วยซีลจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ไปสมทบกับ “หน่วยซีล” ทัพเรือภาคที่ 2
ซึ่งได้เข้าพื้นที่ตั้งแต่ในช่วงแรก จากนั้นยังส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเพิ่ม 15 ชุดจากหน่วยซีล หน่วยลาดตระเวน นาวิกโยธิน หรือรีคอน และหน่วย EOD ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดสงขลาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมี น.อ. สุริยัน สำราญใจ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เป็นหัวหน้าทีม วางแผนเส้นทางเข้าสู่พื้นที่น้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงการเข้าสู่ใจกลางเขต 8 ที่เพิ่งเกิดเหตุกู้ภัยถูกยิงไล่หลัง ทั้งนี้กองทัพเรือเริ่มเข้าดูแลพื้นที่ อ.เมืองสงขลา อ.จะนะ อ.ระโนด และ อ.สิงหนคร ก่อนจะได้รับกำลังสนับสนุนจากส่วนกลางเพิ่มอีก 13 ชุด ทำให้สามารถขยายการช่วยเหลือเข้าสู่อำเภอหาดใหญ่ 0
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์
ซื้อขายเก้าอี้ทำป่วน!
เดินหน้าไปอีกก้าว การแต่งตั้งระดับ “นายพล” นอกวาระประจำปี ทดแทน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร, พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์


