
ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด สถานการณ์รุมเร้ารัฐบาลตั้งแต่วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ ยังไม่ทันแห้งดีก็ต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากไฟความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ที่เดิมคิดว่าจะยุติไปแล้ว แต่กลับปะทุขึ้นอีกรอบจนกลายเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องรีบหาทาง “ให้มันจบที่รุ่นเรา” ตามเสียงประชาชนที่ทนกับความยืดเยื้อมาหลายสิบปีไม่ไหว
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) ควงผู้บัญชาการเหล่าทัพมาแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ สาระสำคัญคือเดินตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้กองทัพมีสิทธิใช้ปฏิบัติการทางทหารทุกรูปแบบตามเงื่อนไขสถานการณ์ พร้อมทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะยึด “ความปลอดภัยของประชาชน” เป็นอันดับแรก
แต่จะไม่ยอมให้ใครล่วงละเมิดอธิปไตยโดยเด็ดขาด พูดชัดว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มรุก และจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาบูรณภาพของชาติ
ฟังแล้วก็หวังกันว่า การตอบโต้รอบนี้จะทำให้ไฟชายแดนสงบลงบ้าง และที่หลายคนพูดกันแบบไม่กลัวดรามาคือ “ขอคืนดินแดนด้วย” หลังถูกยั่วยุมาหลายรอบ จนสังคมเริ่มหมดความอดทนกับเกมชายแดนแบบซ้ำฉากเดิม
๐ คำถามที่ดังขึ้นเซ็งแซ่ว่า ทำไมจู่ๆ กัมพูชาถึงกล้าเปิดเกมรุกใส่ไทยอย่างไม่แคร์ข้อตกลงที่เซ็นกันไว้เป็นตั้ง คำตอบที่วิเคราะห์กันในวงความมั่นคงคือ ฝั่งเขมรกำลังเผชิญแรงเสียดทาน 3 ทาง ทั้งเวทีระหว่างประเทศ เศรษฐกิจในประเทศ และแรงกดดันด้านภาพลักษณ์ หลังไทยนำหลักฐานการวางทุ่นระเบิดในเขตไทยไปแฉกลางที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา จนภาพลักษณ์กัมพูชาดิ่งลงเหวชนิดแทบหาทางแก้หน้าไม่ทัน
ขณะเดียวกัน ความนิยมทางการเมืองในพนมเปญก็ไม่ค่อยสดใส รัฐบาลจึงต้องหยิบ “ภัยคุกคามจากภายนอก” มาเป็นตัวปลุกฮึดคนในชาติ เพื่อสร้างภาพผู้พิทักษ์ดินแดน การปะทะกับไทยจึงเป็นสูตรสำเร็จที่หยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ผล และยังช่วยกลบกระแสวิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจปวกเปียก หลังโดนไทยปิดด่านจนคนในประเทศเริ่มบ่นกันหนาหู
ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาเงิบหนัก นั่นคือ แรงกดดันให้จัดการกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ ที่ทำให้โลกตั้งฉายาให้ว่า “Scambodia” พอเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ถูกทลายเป็นโดมิโน ทั้งในภูมิภาคและในไทย แถมมีการอายัดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ชื่อเสียงประเทศก็ป่นปี้ การสร้างเรื่องปะทะชายแดนจึงกลายเป็นเครื่องมือเบี่ยงประเด็นที่รวดเร็วและทำงานได้ดี
ดังนั้นจึงพอจะฟันธงได้ว่า การปะทะครั้งล่าสุดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น “มุกเก่าในพื้นที่เก่า” ของการเมืองกัมพูชา ที่ใช้ปัญหาชายแดนเป็นตัวต่อรอง เพิ่มอำนาจต่อรองในภูมิรัฐศาสตร์ และปลุกกระแสชาตินิยมฟื้นความนิยมในประเทศ เป็นบทซ้ำที่ไทยดูมาตั้งแต่รุ่นพ่อ
๐ อีกประเด็นที่สภาเองก็ร้อนพอๆ กับชายแดน คือ กระแสลือหึ่งว่านายกฯ จะยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค.นี้หรือไม่ หลังเพื่อไทยที่นำโดย หน.หนิม-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ประกาศขู่จะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 พร้อมข่าววงในว่าพรรคแดงรวบรวมรายชื่อเกิน 100 เสียงครบตามเกณฑ์หนึ่งในห้าของสภาเรียบร้อยแล้ว
แต่ถึงรายชื่อจะพร้อม ยุทธศาสตร์ยังไม่ลงตัว เพราะเพื่อไทยไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการทำให้การแก้รัฐธรรมนูญสะดุด หรือขัดขวางการเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ที่สำคัญสถานการณ์ชายแดนเพิ่งเดือดขึ้นอีกระลอก การจะเดินหมากทางการเมืองจึงต้องชั่งน้ำหนักอย่างระมัดระวัง
ความจริงเพื่อไทยเองก็รู้ดีว่า ถ้าเล่นเกมนี้ให้จบอย่างเฉียบคม อาจลดอำนาจของพรรคภูมิใจไทยได้ และยังดึงพรรคประชาชนเข้ามาร่วมเกมได้ด้วย แต่ถ้าผิดจังหวะ จะกลายเป็นเหยื่อให้ใช้โจมตีในช่วงเลือกตั้งอย่างสนุกมือ
เพราะถ้าเพื่อไทยยื่นซักฟอกจริง รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็แทบหนีไม่พ้นต้องยุบสภา เว้นแต่พรรคส้ม โดย หัวหน้าเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประกาศอุ้มรัฐบาลต่อให้สุดทาง เพราะหากไม่อุ้ม ก็อาจไม่ได้รัฐธรรมนูญ แถมยังปล่อยให้รัฐบาลพรรคสีน้ำเงินได้กินฟรีไปเกือบสามเดือน เข้าทำนองโดนหลอกว่า “อนุบาลการเมือง” ให้เขาแดกดันทางการเมืองเล่น
ภาพที่เห็นตอนนี้จึงเหมือนเกมหมากรุกที่ทุกฝ่ายรู้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเผด็จศึก ทั้งการเมืองในสภาและความมั่นคงนอกบ้านรุกเร้าไปพร้อมกัน ด้านหนึ่งเสียงปืนชายแดนยังดังไม่หยุด อีกด้านเกมการเมืองในเมืองหลวงก็พร้อมลุกเป็นไฟได้ทุกวินาที ทิ้งให้ประชาชนลุ้นแบบไม่รู้จะมองไปทางไหนดี.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บันทึกในสัปดาห์ที่ต้องมีการจับตาความเคลื่อนไหวสำคัญทางการเมืองว่าด้วย "ยุบ" หรือ "ไม่ยุบ" สภา ตามที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ได้ประกาศไว้ 12 ธ.ค.ศกนี้ หากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม รธน.มาตรา 151 เพราะไม่ยอมให้ "ด่าฟรี!"
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

