รอดูฝีมือ 'ผบช.ไซเบอร์'

อธิปไตยไทย พร้อมแสดงความห่วงใยสิทธิและสวัสดิการของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ หรือได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการดูแลครอบครัวของกำลังพล กำชับผู้บังคับบัญชาให้ช่วยกันดูแลอย่างดีที่สุด รวมทั้งเดินทางไปเยี่ยมตำรวจตระเวนชายแดนและทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ก่อนเดินทางมอบสิ่งของบำรุงขวัญ กก.ตชด.12 และกองร้อย ตชด.125 น่าจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอุ่นใจ และมีกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ เพราะ "ผู้บังคับบัญชา" ไม่ได้ทิ้ง "ผู้ใต้บังคับบัญชา" ให้เดียวดาย ๐

เพจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้กลอุบายหลอกลวงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์มาก่อน โดยมิจฉาชีพมักใช้วิธีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการติดตามเงินคืน เพื่อเรียกเก็บ “ค่าดำเนินการ” จากผู้เสียหาย รูปแบบพฤติกรรมมิจฉาชีพที่พบ อาทิ สร้างเพจปลอมบน Facebook ใช้ชื่อ รูปภาพเจ้าหน้าที่รัฐ หรือโลโก้หน่วยงานราชการ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ ทักหาเหยื่อโดยตรง พร้อมอ้างว่ามีข้อมูลส่วนตัวจากฐานข้อมูลราชการ นำเสนอเอกสารปลอม อ้างเป็นเอกสารสืบสวนเส้นทางการเงิน และกล่าวหาเหยื่อว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายฟอกเงิน เพื่อเร่งรัดให้เกิดความตื่นกลัว เสนอช่วยติดตามเงินคืน โดยอ้างเทคนิคพิเศษ แต่มีเงื่อนไขให้ผู้เสียหายต้องชำระค่าดำเนินการก่อน พฤติกรรมลักษณะดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพแน่นอน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากพบพฤติการณ์น่าสงสัยขอให้แจ้งตำรวจทันที หรือโทร.สายด่วน 191 หรือ 1441 เมื่องานป้องกันเข้มแข็งแล้ว งานปราบปรามก็ต้องควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะภัยออนไลน์ อยากเห็นฝีมือ บิ๊กกบ-พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. โชว์ผลงานเปิดเกมรุกปราบสแกมเมอร์ให้ทุกคนรับรู้ว่าเพื่อนเลิฟที่ ผบ.ต่าย เลือกมาคุมงานไซเบอร์นั้นเป็นของจริง ๐

ดูเหมือนไม่มีอะไรง่าย สำหรับ "พนักงานสอบสวน" เลยจริงๆ ขนาดมีข่าวดีที่อนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (อนุ ก.ตร.) เกี่ยวกับการพัฒนางานสืบสวนสอบสวน มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ เป็นประธานอนุ ก.ตร. ไฟเขียวเห็นชอบร่างระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยเพิ่มเงินเป็นกรณีพิเศษ สำหรับตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานสืบสวนสวน พ.ศ. …  โดยได้ปรับขึ้นเทียบเคียงกับพนักงานไต่สวนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แบ่งเป็น ระดับรองสารวัตร หรือเทียบเท่าที่ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 ปี ได้ปรับจากอัตราเดือนละ 12,000 บาท เป็น 14,000 บาท ระดับรองสารวัตร หรือเทียบเท่าเกิน 2 ปี จากเดือนละ 12,000 บาท ปรับเป็น 16,000 บาท, รอง สว. หรือเทียบเท่า 4 ปี จาก 12,000 บาท เป็น 20,000 บาท, สารวัตร หรือเทียบเท่า จาก 14,400 บาท ปรับเป็น 25,000 บาท, รอง ผกก. หรือเทียบเท่า 17,300 บาท ปรับเป็น 30,000 บาท, ผกก. หรือเทียบเท่า 20,800 บาท ปรับเป็น 34,500 บาท และรอง ผบก. หรือเทียบเท่า 25,000 บาท ปรับเป็น 38,000 บาท ขั้นตอนต่อไปก็เหลือแค่ ก.ตร.ตีตราประทับ หลังจากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอไปยังรัฐบาลเพื่อให้กระทรวงการคลังได้พิจารณาอนุมัติและให้ความเห็นชอบต่อ แต่พอรัฐบาลอนุทิน "ยุบสภา" พงส.หลายคนเลยใจตุ้มๆ ต่อมๆ จะมีใครสานต่อเรื่องนี้ให้จบหรือไม่ หรือต้องค้างเติ่งร้องเพลงรอกันไปอีก ฝาก ผบ.ต่าย ช่วยแจงก็น่าจะดี ๐

สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ยังอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม และยังไม่สามารถประเมินตอนท้ายของเรื่องได้ ข้อมูลข่าวสาร ภาพการรบในพื้นที่ปลิวว่อนไปทุกแพลตฟอร์มโลกโซเชียล ยิ่งกว่าการได้รับชมเหตุการณ์แบบ “เรียลไทม์" แต่บางส่วนก็อันตรายต่อกำลังพลไทยที่ปฏิบัติการรบอยู่หน้าแนวเป็นอย่างยิ่ง ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่มี พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ดูแลอยู่จึงขอความร่วมมือในการแจ้งข่าวสาร หากเห็นเพจที่กำลังพลในประจำการนำไปโพสต์และสุ่มเสี่ยงก็ขอให้แจ้งมา เหล่าทัพและหน่วยงานต้นสังกัดจะเข้าไปเตือน และจัดการไม่ให้เกิดความเสี่ยงอันตรายของทหารที่ทำงานกันอยู่ โดยปัจจุบันศูนย์ดังกล่าวตั้งขึ้นที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สนามเป้า รวบรวมเกาะติดการปฏิบัติทุกเหล่าทัพที่จะสามารถเปิดเผยได้ และไม่กระทบต่อยุทธวิธี แบ่งการแถลงข่าวออกเป็นสองรอบ มีการเผยแพร่ข้อมูลเป็นเอกสารข่าวภาษาไทย อังกฤษ จีน เขมร และกำลังเพิ่มภาษารัสเซียกับฝรั่งเศสเข้าไปด้วย

โมเดลการแถลงข่าวดังกล่าวคล้ายๆ กับช่วงสถานการณ์โควิด ที่มีการแถลงสรุปตัวเลขทุกวัน และตอบข้อซักถามในเป็นประเด็นสงสัยม้วนเดียวจบแบบเป็นทางการ โดยในสถานการณ์สู้รบครั้งนี้ ศูนย์ฯ จะมีการปรับรูปแบบให้เป็นลักษณะทีมเหล่าทัพ เพื่อให้มีความครอบคลุมทุกประเด็น โดยแถวที่ 1 เป็นโพเดียมรุ่นใหญ่ นำโดย "เสธ.เม่น"  พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ที่จะอธิบายภาพรวมสถานการณ์ ตามด้วยการนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ  ส่วนเหล่าทัพ ได้แก่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก  พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ โดยมี “ผช.โก๋” พล.อ.อ.ประภาส เป็นครูใหญ่เปิดด้วยคำแถลงถึงกรอบนโบาย และทิศทางต่อสถานการณ์ในช่วงนั้น ถือเป็นสายแข็งที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการประชาสัมพันธ์ และสายงานกิจการพลเรือนมาอย่างโชกโชน ผ่านสถานการณ์ความขัดแย้งจากเหตุความมั่นคงภายใน และการสู้รบในระลอกแรกมาแล้ว ได้รับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐมาก็ไม่น้อย

แต่ที่น่าสนใจคือ “ดรีมทีมแถวสอง” ไล่ตั้งแต่ "เสธ.มิว" พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ซึ่งเป็นทีมงานเบื้องหลังที่แน่นปึ้กของ ทบ.มาหลายปี และเป็นจุดประสานข้อมูลทุกหน่วย ครั้งนี้ถือว่าได้แสดงฝีไม้ลายมือในการแจงข้อมูลแบบเปิดหน้าได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังมี "รองเสธ.แจ๊ค" พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ  ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการทหารอากาศ เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน Gripen 39 C/D คนแรก นอกจากเติบโตในสายยุทธการแล้ว ยังเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.รร.นายเรืออากาศ เพราะฉะนั้นทักษะในเรื่องยุทธการและการสื่อสารคงไม่ต้องพูดถึง ขณะที่น้องใหม่สุดคือ "ป่าน" น.อ.นรา  คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  รอง ผอ.กองยุทธการ กรมยุทธการทหารเรือ ถือเป็นการเปิดหน้าครั้งแรกด้วยงานใหญ่ระดับประเทศ ถือว่าภาพรวมเป็นสายยุทธการและกิจการพลเรือน ที่สามารถจะอธิบายภาพสถานการณ์ และพิจารณาในการเผยแพร่ข้อมูลได้รัดกุม พร้อมกันนั้นยังมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ “มาระตี นะลิตา อันดาโม” รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมทีมโฆษกศูนย์ฯ แห่งนี้ด้วย.