
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ หลังจากได้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนไปแล้วแต่ไม่มีดอกผลอะไรเลย ซึ่งการประชุมวันพุธนี้ก็จะเป็นฝ่ายเลขาฯ จีบีซีไทย-กัมพูชา หารือกันก่อน ซึ่งฟันธงแบบอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ในสันดานเขมรว่าจบไม่สวยแน่นอน และ ไม่ต้องไปหวังว่าจะมีการลงนามการหยุดยิงในวันที่ 27 ธ.ค.นี้แน่นอน แต่อาจมีการเจรจาปากเปล่าว่าในช่วงวันเทศกาลปีใหม่อาจหยุดยิง เพื่อให้ “ทหารหาญ” ได้ฉลองเทศกาลกันบ้างก็เป็นได้ ...๐
ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้กองทัพทันโลกทันสมัยมากขึ้น เพราะล่าสุด “พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี” ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ได้แถลงข่าวรายงานการประเมินกระแสสังคมและนานาชาติกรณีความขัดแย้งชายแดน โดยบอกว่าภายในประเทศกระแสสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยและบทบาทของกองทัพยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่เวทีนานาชาติให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยภาพลักษณ์ของไทยมักถูกนำเสนอผ่านกรอบประเทศขนาดใหญ่กับประเทศขนาดเล็กอย่างเขมร งานนี้ก็ต้องเป็น ภาระหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะต้องเร่งขยันทำงานสร้างภาพในระดับสากลให้มากขึ้น ...๐
หันมาดูการเมืองที่แสนคึกคักกันบ้าง โดยเฉพาะหลังจาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปขึ้นเวทีดีเบตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้สร้างประเด็นร้อนแรงอย่างมาก เพราะ “พี่มาร์ค” ประกาศเผาสะพานการเมืองแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยประกาศชัดว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรมของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เรียกว่าเล่นเอาทั้งแม่ยกและขาเชียร์ส่วนใหญ่เฮโลดังๆ ว่า “พระแม่ธรณีบีบมวยผม” กลับมาแล้ว แต่บางส่วนก็กังวลว่าเป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัว เหมือนที่เคยประกาศไม่ร่วมรัฐบาลลุงตู่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่อย่างไร ...๐
ที่แน่ๆ ต้องถือเป็นความกล้าหาญของ “อภิสิทธิ์” ที่สร้างบรรทัดฐานทางการเมือง ที่สำคัญเป็นการแสดงจุดยืนแบบ ไม่กั๊กและสร้างภาพเหมือนบางพรรคที่จุดประเด็นมาก่อนเพื่อนว่า “มีเราไม่มีเทา” แต่กลับมีเพียงลมปาก ไม่มีการแสดงอะไรที่แท้จริงเลย งานนี้เลยทำให้สภากาแฟวิจารณ์กันขรมว่า “หมากการเมือง” ของ ปชป.งวดนี้ไม่ใช่สะเทือนแค่พรรคเดียว แต่สะเทือนไปถึงแผนตั้งรัฐบาล “ส้มแดงแป้ง” กันเลยทีเดียว ที่สำคัญคงต้องรอดูสัญญาณจาก “พี่โทนี่” ว่าจะมีแผนบีหรือแผนสำรองอะไรหรือไม่ ...๐
ด้านพรรคสีน้ำเงินของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั้น ต้องบอกว่าเมื่อวันพุธก็แทบเปลือยตัวตนและนโยบายหาเสียงแบบหมดเปลือกไม่มีกั๊ก ที่สำคัญ ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นนโยบายหาเสียงที่ติดตลาดมากที่สุด เพราะเป็นการต่อยอดจากนโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ของรัฐบาลภูมิใจไทย โดย “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศบนเวทีภูมิใจไทยนั้นมีถึง 10 พลัสกันเลยทีเดียว และในเวทีเดียวกัน “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” ที่วันนี้สวมหัวโขน รมว.วัฒนธรรม แต่วันข้างหน้าอาจย้ายไปนั่งว่าการกระทรวงอื่นๆ หาก “ภูมิใจไทย” เป็นแกนนำก็ประกาศนโยบาย “การศึกษาพลัส” และ “ผู้สูงอายุพลัส” ด้วย ส่วน “ไชยชนก ชิดชอบ” รมว.ดีอี ในฐานะเลขาธิการ ภท.ก็ประกาศย้ำอีกครั้งว่าไม่เอากาสิโน ...๐
งานนี้ก็ต้องรอพรรคเพื่อไทยที่วันนี้ก็ยังไม่เคยพูดแบบชัดๆ ว่านโยบาย “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งมาในสมัยเป็นรัฐบาลกว่า 2 ปีนั้น จะดำเนินการต่อหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะแคนดิเดตนายกฯ อย่าง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค พท.ในสมัยเป็น รมช.การคลัง เป็นโต้โผใหญ่ในการผลักดัน ซึ่งในครานั้นก็อ้างและสาธยายน้ำไหลไฟดับว่าเป็นอภิมหาโครงการที่สร้างจุดเปลี่ยนให้สังคมเศรษฐกิจไทย แต่ทำไมวันนี้กลับเงียบยิ่งกว่าเป่าสากเสียอีก ...๐ ไม่เอ่ยถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของลุงป้อมก็ไม่ได้ เพราะช่างเข้ากับวลี “หมาตายเห็บกระโดดหนี” เสียจริงๆ เพราะมีกระแสข่าวว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคสุขภาพไม่แข็งแรง อาจไม่ทำพรรคต่อ พอแค่นี้ ก็เล่นเอา “สุภรณ์ อัตตาวงศ์” หรือแรมโบ้ ขอไขก๊อกยื่นใบลาออกทันที แล้วก็ย้ายไปสังกัดพรรคโอกาสใหม่ ส่วนบรรดาแกนนำ พปชร.นั้น ต่างยืนยันว่า “ลุงป้อม” ยังไม่ไปไหน โดยเฉพาะ “ตรีนุช เทียนทอง” นั้น ก็ประกาศชัดว่ายังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ไม่ย้ายสังกัดแต่ประการใด แหม! งานนี้ถ้าบิ๊กป้อมวางมือจริง คงทำให้ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ที่เพิ่งย้ายค่ายมาด่าเช้าเย็นไปสามบ้านเจ็ดบ้านแน่นอน ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี
บันทึกหน้า 4
บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล

