'หมอธีระวัฒน์' ไล่เรียง 'ลองโควิด'

'หมอธีระวัฒน์' ไล่เรียงความเป็นมาของลองโควิด เผยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ จุฬาฯ กำลังศึกษาดัชนีชี้วัด

20 ก.ค.2565 - ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ลองโควิด” ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2020 ที่เริ่มมีการระบาดใหม่ๆ ประเทศหรือพื้นที่ที่เริ่มมีเวลาหายใจหายคอจากการทะลักทลายของผู้ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ก็มีเวลาสังเกตและเจอคนที่เรียกว่าหายแล้ว นั่นก็คือออกจากโรงพยาบาลได้ ตรวจไวรัสไม่เจอว่ามีการปล่อยออกมาจากร่างกาย แต่อาการกลับไม่หายจริงและเกิดยืดยาวต่อเนื่อง หรือสงบแล้วปะทุใหม่เป็นพักๆ ทั้งนี้ ไม่จำกัดอยู่แต่เพียงว่าอาการในครั้งแรกต้องหนักมากเสมอไป แม้แต่กลุ่มที่อาการน้อยก็มีความผิดปกติทอดยาวออกไปอีก และตั้งชื่อว่าเป็นหนังยาวของโควิด หรือลองโควิด (long Covid)

รูปแบบลักษณะดังกล่าวนี้ทับซ้อนกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Myalgic Encephalomyelitis (ME)/Chronic fatigue syndrome (CFS) โดยลักษณะประกอบไปด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นในสมองและระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ตลอดเวลา มีอาการเหนื่อยล้า ทำงานไม่ได้ ขาดสมาธิ มีความผิดปกติทางระบบประสาทอัตโนมัติและไม่สามารถออกกำลังได้เลย
ตามประวัติศาสตร์สามารถสืบย้อนไปได้ตั้งแต่ในปี 1934 (88ปี) ในนครลอสแอนเจลิส ปี 1948 (74ปี)ที่ไอซ์แลนด์ ปี 1955 (67 ปี) ที่ลอนดอน และในปี 1984 (38ปี) ที่เนวาดา

ในปี 1955 คุณหมอจากไอซ์แลนด์ได้เริ่มใช้เทอมหรือคำเรียก ME จากการเทียบเคียงลักษณะความผิดปกติในน้ำไขสันหลังระหว่างผู้ป่วยที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลรอยัลฟรีในลอนดอน และผู้ป่วยในปี 1948 ที่ไอซ์แลนด์ Akureyri โดยลักษณะอาการบ่งบอกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองและไขสันหลังร่วมกับมีอาการปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงและมีอ่อนแรงและมีตะคริวร่วมด้วย

และจากหลายเหตุการณ์ต่อมาจนกระทั่งในปี 1984 ถึง 1985 ที่หมู่บ้าน Incline ในรัฐเนวาดาก็เกิดลักษณะที่คล้ายกันเช่นเดียวกัน โดยทั้งหมดนี้มีอาการเริ่มต้นเป็นแบบติดเชื้อด้วยไวรัสทั้งหมด

และเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า chronic fatigue syndrome หรือ CFS ทั้งนี้ โดยเชื่อว่ากลุ่มอาการทั้งสองแบบนั้นน่าจะมีรากฐานเกี่ยวพันกับกระบวนการอักเสบในระบบประสาท

ฉบับยาวอาจมีได้สูงถึง 50% หรือถึงครึ่งหนึ่งของผู้ที่หายจากโควิดฉบับสั้นไปแล้ว และอาการที่เกิดขึ้นมีได้เป็น 100 อย่างและครอบคลุมแทบจะทุกอวัยวะของร่างกาย โดยมีตัวร่วมโดยเฉพาะความแปรปรวนทางสมอง จิตและอารมณ์ แต่ขณะเดียวกันก็มีความคล้องจองเหมือนกับ ME/CFS ที่กล่าวแต่ต้น

ทั้งนี้ โควิดเก่งกว่ารุ่นแรกๆ ตั้งแต่ปี 1934 ทั้งนี้ เพราะกระทบในคนมากมายกว่า และอาการดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าที่เคยปรากฏมาก่อนในรุ่นแรกๆ

จากหลักฐานของ ME/CFS ที่ได้จากรุ่นแรกๆ ซึ่งอาจจะนำมาใช้อธิบายในโควิดนั้น โดยเป็นไปได้ว่า การอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เกิดขึ้นนอกสมองและระบบประสาท แต่สมองรับรู้โดยตอบโต้กับโมเลกุล ชิ้นส่วนเล็กๆของอนุภาคการอักเสบเหล่านี้ในเลือดและอาจเป็นไปได้ที่มีการส่งผ่านโมเลกุลเหล่านี้ผ่านผนังเส้นเลือดเข้าไปในสมอง ทั้งจากการนำพาเข้าไปหรือซึมผ่านเข้าสมองโดยตรงในบริเวณที่ผนังกั้นไม่แข็งแรงและนอกจากนั้นโมเลกุลของการอักเสบเหล่านี้ยังพบได้ในเส้นประสาทเวกัส หรือเส้นประสาทสมองเบอร์ 10 ที่ทอดยาวลงมายังลำไส้และสามารถส่งผ่านการอักเสบเหล่านี้ขึ้นไปจนกระทั่งถึงก้านสมองในวงจรของ NTS (nucleus tractus solitarius) ที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ รวมทั้งเส้นเลือดและหัวใจ เป็นต้น และน่าจะมีผลตามติดต่อเนื่องไปถึงกระบวนการควบคุมการทำงานของฮอร์โมนต่างๆ ที่มีการควบคุมจากสมองตั้งแต่ในส่วนของ ไฮโปธาลามัส (hypothalamus) ต่อมใต้สมอง (pituitary) และต่อเนื่องมาถึงระบบควบคุมฮอร์โมนต่างๆในร่างกายจนกระทั่งถึงต่อมหมวกไต

ปรากฏการณ์โควิดฉบับยาวจะกลายเป็นภาระสำคัญของระบบสาธารณสุขของทุกประเทศที่มีการระบาดของโควิด ทั้งนี้ เนื่องจากคนที่ถูกกระทบจะมีได้ทุกอายุไม่จำกัดเพศ และเกิดจากการติดเชื้อโควิดแบบรุนแรงและไม่รุนแรง ด้วยอาการที่เกิดขึ้นจะบั่นทอนคุณภาพชีวิต ประสิทธิภาพของการทำงาน กระบวนการของความคิด แม้กระทั่งสมาธิ สติปัญญา ความจำจะถดถอย และรุนแรงถึงขนาดที่ต้องมีการปรึกษา หรือได้รับการรักษาจากแพทย์ในแทบทุกแขนง รวมกระทั่งถึงจิตแพทย์ เพราะมีความรู้สึกหดหู่ ปฏิเสธสิ่งรอบข้างจนกลายเป็นก้าวร้าว หรือมีปัญหา ทางสังคมแบบในปรากฏการณ์หลังจากที่มีภาวะเครียดอย่างรุนแรง (post traumatic stress syndrome)

ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์จุฬา กำลังทำการศึกษาหาดัชนีชี้วัด ไม่เฉพาะแต่การอักเสบที่อยู่ในเลือด แต่รวมถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมองและทำให้สมองแปรปรวนและถูกทำลาย ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวง อว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ช่อง7HD'-'จุฬาลงกรณ์' ฉลองชัย'แชมป์กีฬา7HD' ยิ่งใหญ่แฟนๆแห่กรี๊ดแน่น

ฉลองยิ่งใหญ่ ! “ช่อง 7HD” จับมือ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เดินหน้าสานฝันเยาวชนทั่วประเทศ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตร จัดใหญ่ “7HD 4 ซีรีส์กีฬานักเรียน รวมพลังฝัน ปั้นตำนานเกม” เชิดชูเกียรติแชมป์จาก 4 ชนิดกีฬา บาสเกตบอล 3x3, วอลเลย์บอล นักเรียนหญิง, เซปักตะกร้อ นักเรียนชาย และฟุตบอลนักเรียน 7 คน แฟน ๆ รวมตัวกรี๊ดเหล่านักกีฬาแน่นลานกิจกรรม BLOCK I สยามสแควร์ ทึ่งขบวนพาเหรดทัพนักกีฬาและนักแสดง 7HD สุดอลังการ

ครั้งแรกในอาเซียน...ทรู คอร์ปอเรชั่น ผนึกกำลัง จุฬาฯ MIT และเอกชนชั้นนำ พลิกโฉมการศึกษาไทยด้วยหลักสูตรรูปแบบใหม่ “Chula LGO” เร่งปั้นผู้นำระดับเวิลด์คลาส ครบเครื่องทั้งทักษะด้านวิศวกรรม x บริหารธุรกิจ

กรุงเทพฯ 21 พฤศจิกายน 2568 – สร้างมิติใหม่ ปฏิวัติวงการศึกษาไทย...จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ Massachusetts Institute of Technology (MIT) สหรัฐอเมริกา ผสานกำลังกับ 5 องค์กรธุรกิจพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย

ระดับ 'วิตามินดี' ต่ำ สะท้อนพฤติกรรมใช้ชีวิตผิด

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิตามินดีต่ำ คือใช้ชีวิตผิด

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ 'สิ่งที่เชื่อ' ไม่มีกฎหมายรองรับ ชูป้ายประจานอภิสิทธิ์คือการละเมิด

สืบเนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษวิชานโยบายสาธารณะ หลักสูตรปริญญาเอกปรัช

'เนเน่' เปิดความจริง! เหตุนิสิตจุฬาฯ ชูป้ายประท้วง 'อภิสิทธิ์'

น.ส.รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีมีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถือป้ายข้อความเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมปี 53 ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

'หมอยง' เตือน RSV กำลังระบาดหนัก ทิ้งท้ายปลายฤดู

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า RSV กำลังระบาดอย่างมากทิ้งท้ายปลายฤดู