'หมอยง' คาดคนไทย 70%ติดโควิดแล้ว! ชี้ต้องวางแผนปีหน้าจะเอาอย่างไรเรื่องวัคซีน

'หมอยง' คาดประชากรไทยติดโควิดไปแล้ว 70% เมื่อรวมกับที่ฉีดวัคซีนไปแล้วทำให้คนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน ปีหน้าจึงต้องศึกษาว่าจะกระตุ้นอย่างไรจะใช้เงินหมื่นหรือพันล้านบาท

10 พ.ย.2565 - ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “โรคโควิด 19 ธรรมชาติคอยฉีดวัคซีนให้ จะฉีดวัคซีน หรือ ให้ธรรมชาติฉีดวัคซีนให้ การศึกษาวิจัยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง” ระบุว่า ทุกวันนี้ธรรมชาติฉีดวัคซีนให้ อาจจะมากกว่าจำนวนวัคซีนที่ฉีดต่อวัน เราจะเห็นได้จากตัวเลขที่ฉีดวัคซีนขณะนี้จะอยู่ที่ ประมาณ 4-5 พันเข็ม ต่อวัน แต่ธรรมชาติ (การติดเชื้อ) ก็เปรียบเสมือนการฉีดวัคซีน กระตุ้นภูมิต้านทานให้สูงขึ้น

ใครไม่ฉีดวัคซีน ธรรมชาติก็จะช่วยฉีดให้ ให้พิจารณาเอาเอง ระหว่างอาการข้างเคียง ของวัคซีน กับให้วัคซีนโดยธรรมชาติ คือการติดเชื้อ ชนิดไหนจะมีอาการข้างเคียงมากกว่า

คนที่ไม่เคยฉีดวัคซีนเลย แล้วติดเชื้อ อาการจะรุนแรงกว่าคนที่เคยฉีดวัคซีน แล้วติดเชื้อ วัคซีนย่อมมีประโยชน์กว่าแน่นอน

การฉีดวัคซีน 2 เข็ม ถือว่ายังฉีดวัคซีนไม่ครบ จะต้องได้ 3 เข็ม ไม่ว่าเป็นวัคซีนชนิดใดก็ได้

คนที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม ถึงแม้ว่าจะมีการติดเชื้อ ก็ถือว่าธรรมชาติกระตุ้นให้ เป็นเข็มกระตุ้นเพิ่มเติม ฉีดวัคซีนร่วมกับการติดเชื้อ ภูมิต้านทานที่ได้จะเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม ที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดีมาก


ในอนาคตต่อไปนี้ จากการประเมินขณะนี้มีการติดเชื้อไปแล้วมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แน่นอน คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 70% ของประชากร ดังนั้นถ้ารวมจำนวนวัคซีนที่ฉีด กับ ธรรมชาติที่ช่วยฉีดวัคซีนให้ ประชากรไทยน่าจะได้วัคซีนไปแล้ว เป็นส่วนใหญ่ อาการของโรคโดยรวมจึงเห็นภาพว่ามีอาการน้อยลง

ภาพรวม โควิด 19 เข้าสู่โรคประจำฤดูกาล และจะมีการติดเชื้อตามฤดูกาลนับจากนี้เป็นต้นไป เพราะกิจกรรมต่างๆจะเข้าสู่ภาวะปกติเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีการฉีดวัคซีนโดยธรรมชาติ ไปเรื่อยๆ กลุ่มที่สำคัญที่สุดที่วัคซีนธรรมชาติหรือการติดเชื้อ จะมีอาการข้างเคียง หรือรุนแรงมากที่สุด คงเป็นกลุ่มเปราะบาง 608

วัคซีนในอนาคตหรือปีหน้า เราจำเป็นจะต้องมีการศึกษาวิจัย ว่าขณะนี้ประชากรไทยอยู่ในสถานะของภูมิต้านทานเป็นอย่างไรในภาพรวม เพื่อวางแผนการให้วัคซีนในปีหน้า ในการกระตุ้น อาจจะเป็นไปได้ที่จะมุ่งเน้นเฉพาะ 608 และในเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปีเหมือนอย่างไข้หวัดใหญ่

การศึกษาวิจัยในระบบภูมิต้านทานของประชากรไทย จึงมีความจำเป็นที่จะใช้เป็นข้อมูลวางแผนการกระตุ้น วัคซีนในปีหน้า ว่าเราจะลงทุนให้กับทุกคน ซึ่งใช้เงินจำนวนมากมาย หลายหมื่นล้านบาท หรือจะให้เฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เป็นจำนวนเงินหลักพันล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นิสิตเก่าจุฬาฯ' ตามบี้ 'วิทยานิพนธ์ณัฐพล' อุทธรณ์คำสั่ง ให้จุฬาฯเปิดเผยมติสอบสวน

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก

‘หมอมนูญ’ เผยผลติดตามสถานการณ์ 5 โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธที่ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไวรัสไข้หวัดใหญ่  ไรโนไวรัส (Rhinovirus) อาร์เอสวี (RSV) และ ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส Human metapneumovirus (hMPV)

‘หมอยง’ ย้ำโควิดยังสายพันธุ์โอมิครอน JN.1 ไม่รุนแรง หายไข้-ไอมาก 1 วัน ใส่แมสทำงานได้

โควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงลดความรุนแรงลง จนปัจจุบันความรุนแรงเท่ากับโรคไข้หวัดใหญ่ RSVและเป็นการระบาดตามฤดูกาล

‘หมอยง’ รู้ทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รอดโดนมิจฉาชีพหลอกยืมเงิน

วันนี้เพิ่งได้รับ มิจฉาชีพ เมื่อวานมีโทรศัพท์เข้ามา บอกว่าชื่อกร ตีสนิทมากเรียกพี่ (เสียงเหมือนรุ่นลูก, เราดีใจคิดว่ายังหนุ่มอยู่)