'นายกสมาคมอุรเวชช์ฯ' สะกิดรัฐบาลคิดให้ดีเรื่องเปิดสถานบันเทิงก่อนกำหนด

'หมอนิธิพัฒน์' เตือนสติรัฐบาลคิดให้ดีก่อนในการเร่งเปิดสถานบันเทิงก่อนกำหนด ระวังซ้ำรอยอังกฤษ และชาติยุโรป เผยบุคลากรทางการแพทย์ยังทำงานหนักอยู่

25 พ.ย.2564 - รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อวานไปเยี่ยมเยียนโรงพยาบาลประจำจังหวัด 3 แห่งในภาคตะวันออก กลับมาถึงดึกมากไม่มีแรงเล่าสู่กันฟัง เช้าขับรถมาทำงานฟังข่าว เห็นว่าเจ้ากระทรวงหมอกำลังจะนำเสนอมาตรการผ่อนคลายให้เปิดสถานบันเทิงเร็วกว่ากำหนด รู้สึกไม่สบายใจ ต้องรีบบอกเล่าเรื่องที่ได้เจอะเจอมาก่อนที่จะมีคนแสร้งลืมเลือน

นับแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา บุคลากรด่านหน้าในจังหวัดภาคตะวันออก เป็นตัวแทนหนึ่งของประเทศที่ทำงานต่อสู้กับโควิดมายืดเยื้อยาวนาน เมื่อเริ่มมีการผ่อนคลายประเทศระลอกใหม่นี้ พวกเขาแม้งานโควิดจะลดลงไปกว่าครึ่ง แต่งานโควิดที่เหลือตกค้างอยู่ งานเร่งฉีดวัคซีน งานควบคุมโรคในชุมชน งานดูแลความปลอดภัยให้นักเรียนและผู้เกี่ยวข้องหลังเปิดเรียนออนไซต์ และงานบริการผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่ใช่โควิดที่เริ่มกลับมาให้บริการเพิ่มขึ้น ล้วนแล้วแต่ยังเป็นภาระที่หนักอึ้ง จนมีบุคลากรบางส่วนโดยเฉพาะพยาบาลที่ทนไม่ไหวชิงลาออกไปก่อนบ้างก็มี ภายหลังการผ่อนคลายมาตั้งแต่ต้นเดือน เริ่มมีการติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องการให้บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะสำคัญๆ ในภาคตะวันออก ควบคู่ไปกับเริ่มมีการติดเชื้อในนักเรียนที่เพิ่งได้มีโอกาสกลับมาเจอเพื่อน แม้อาการจะไม่รุนแรงเพราะบางส่วนฉีดวัคซีนโควิดมาบ้างแล้ว แต่ก็เป็นการเพิ่มภาระทับถมการดูแลรักษาและการควบคุมโรค การสนับสนุนชุดตรวจ ATK เพื่อใช้ในมาตรการควบคุมโรคในโรงเรียน หรือสถานที่ชุมชนอื่น ก็ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบชัดเจนในการจัดหามาให้ใช้งานเพียงพอ ผลักภาระให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องต้องไปดิ้นรนกันเอง เมื่อวานมีชุดตรวจ ATK จากผู้มีจิตศรัทธาบริจาคผ่าน “โครงการต่อลมหายใจ ในศิริราชมูลนิธิ” มา 1,800 ชุด จึงติดไม้ติดมือติดรถติดราไปฝากให้กับทั้งสามโรงพยาบาล แม้จะน้อยนิดแต่ก็คงช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง

เมื่อวันที่ 20 เดือนที่แล้ว https://www.bbc.com/news/uk-58976577 หน่วยงานภาคการแพทย์ของอังกฤษ ส่งจดหมายผ่านเจ้ากระทรวงหมอของที่นั่น ให้รัฐบาลทบทวนมาตรการเปิดเมืองเพราะมีจำนวนผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นเร็ว เกรงจะกระทบการดูแลในโรงพยาบาลทั้งผู้ป่วยโควิดและที่ไม่ใช่โควิด แต่ได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลอังกฤษว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ให้มุ่งเน้นการฉีดวัคซีนเข็มสามกระตุ้นภูมิให้ได้มากก่อน ฟังน้ำเสียงถ้อยแถลงคล้ายทำนองว่า การจะระบาดอีกหรือไม่เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องยอมรับความเสี่ยงกันเอง ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็กลับไปล็อกดาวน์กันใหม่อีกรอบ หันกลับมาย้อนดูบ้านเราบ้าง เจ้ากระทรวงหมอแม้จะต้องคล้อยตามนโยบายของรัฐบาลที่มองภาพรวมของประเทศ แต่จุดยืนและบทบาทการปกป้องลูกน้องที่เป็นบุคลากรด่านหน้า ดูเหมือนจะไม่เข้าตากรรมการ โดยเฉพาะสายแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโควิดโดยตรง

น้ำหนักของการขอผ่อนคลายการเสนอให้เปิดสถานบันเทิงเร็วขึ้น คงมาจากสถานการณ์โควิดโดยรวมของประเทศที่ยังทรงตัวหรือลดต่อช้าๆ แม้ผ่อนคลายมาระยะหนึ่ง แต่ภาระงานโควิดที่ตกค้างในภาคการแพทย์ก็ยังนับว่าหนักหนาสาหัสอยู่ ภูมิจากวัคซีนที่หดหายหลังสองเข็มก็กำลังจะเพิ่มมากขึ้นเหมือนต่างประเทศ หากเลือกทางเดินต่อไม่ดีก็คงต้องไปเป็นเพื่อนร่วมทางเดียวกับรัฐบาลอังกฤษและอีกหลายประเทศในยุโรปที่นำหน้าไปก่อน แต่ถ้าจะดึงดันจะเปิดสถานบันเทิงกันให้ได้ก่อนปีใหม่ ก็ต้องมีการจำกัดพื้นที่ (บางจังหวัด) จำกัดสถานที่ (บางสถานบริการที่มีการป้องกันตามกำหนด) จำกัดจำนวนและจำกัดคุณภาพ (สถานะการฉีดวัคซีน) ของคนใช้บริการและคนให้บริการ และจำกัดเวลาการใช้บริการ อีกทั้งถ้าเริ่มมีการระบาดของโควิดตามมา เจ้าของสถานบริการต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย ซึ่งบทเรียนในอดีตสอนว่า “อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ” #อยู่กับโควิดในปัจจุบันอย่างมีสติ