ผบ.ตร. เมินถูกโจมตีค้ามนุษย์โรฮิงญา ชี้ให้ปชช.ใช้วิจารณญาณ ยันไม่มีใครหลุดรอดคดี

27 เม.ย.2565 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ว่า คดีค้ามนุษย์เกิดเหตุตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ที่ พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นจำเลย ศาลได้ตัดสินไปแล้ว และ พล.ท.มนัสได้เสียชีวิตในเรือนจำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจสอบเรื่องนี้มาหลายครั้งตั้งแต่มีข่าวปลายปีที่แล้ว ผมขอเรียนอีกครั้งว่าขอให้ดูภาพรวมการดำเนินคดีว่ามีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีและฟ้องศาลไป 116 ราย จะเห็นว่าไม่มีใครที่หลุดรอดไปจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ คดีนี้ไม่ใช่แค่ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สำนักงานอัยการสูงสุดโดยหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน และตำรวจเป็นผู้ร่วมภายใต้คำสั่งของพนักงานอัยการเพราะเป็นคดีนอกราช จึงอยากให้ดูว่าไม่มีใครหลุดรอดไปจากการดำเนินคดี

ส่วนที่สองคือมีบางส่วนที่ยังไม่ถูกจับกุมมา เท่าที่ตรวจสอบออกหมายจับไว้ 155 หมาย เสียชีวิตไป 2 ราย เหลือ 153 หมาย ถึงวันนี้จับไปแล้วคงเหลือ 31 หมาย ก็เร่งรัดอยู่ ใครที่หลบหนีพยายามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้หมด บางรายที่ฟ้องไป 116 ราย ส่วนใหญ่ศาลสั่งลงโทษ บางรายถูกตัดสิน 1,600 กว่าปี

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบบุคคลที่มีชื่อเสียง (Big Name) ทั้งหลายก็ไม่มีแล้ว ก็โดนทุกคน ถ้ามีอะไรที่มากไปกว่านี้ก็ยินดี แต่ตรวจสอบไปหลายรอบแล้ว จึงอยากให้ทำความเข้าใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เพราะช่วงนี้โดยส่วนตัวเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศ เพราะเป็นช่วงที่มีการทำเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย (Trafficking in Persons Report: TIP Report) ไม่ทราบว่าจะมีผลกระทบกระเทือนแค่ไหน จึงอยากให้ช่วยเสนอในแง่มุมทางนี้ด้วย เพราะการที่กล่าวหากันไปกันมาเป็นเรื่องระหว่างบุคคลกับบุคคล ท่านสามารถใช้สิทธิได้ แต่เราเป็นเจ้าหน้าที่ก็ดูในภาพรวมว่ามีใครไหมที่หลุดรอดไปจากกระบวนการยุติธรรมซึ่งไม่มี ผมชี้แจงไปหลายครั้งแล้วก็น่าจะพอเพียง

หลังจากนั้น ผบ.ตร.ได้เดินมาพูดคุยกับสื่อมวลชน ซึ่งมีแนวคิดจัดสัมมนาระหว่างสื่อมวลชน ผู้ทำคอนเทนต์เผยแพร่ทางแพลตฟอร์มต่างๆ และประชาชนที่สนใจ มาดูวิธีการทำงานในการรวบรวมพยานหลักฐานทำกันอย่างไร จากนั้นสื่อมวลชนได้สอบถามถึงกรณีที่มีบุคคลทำให้ภาพลักษณ์เสียหายทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า นโยบายต้องพิจารณาว่าถ้าคนทำให้เกิดความเสียหายในรูปคดีหรือไม่ ทีมสอบสวนจะต้องพิจารณาว่าประเด็นดังกล่าวจำเป็นจะต้องไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หากเป็นการทำลายหลักฐานประจักษ์พยาน หรือทำให้พนักงานสอบสวนเสียหายก็ต้องว่ากัน ตามหลักการเป็นแบบนั้น ส่วนรายละเอียดก็ต้องพิจารณาว่าใครเข้าเงื่อนไขนี้บ้าง ส่วนการวิพากษ์โดยบริสุทธิ์ใจเป็นสิทธิสามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีบางส่วนที่ยังไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นการเรียนรู้ของสังคม เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าคนส่วนหนึ่งไม่เชื่ออาจเป็นเพราะเราทำตัวไม่น่าเชื่อถือหรืออะไรก็ตาม แต่เราต้องหาวิธีแก้ ผมมองว่าเป็นโอกาสดีที่ได้แสดงให้เห็นว่าระบบที่เราอยู่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร เราอยู่กับระบบยุติธรรมและเราไม่เชื่อในระบบที่เรามีประเทศก็เดินไม่ได้ ส่วนจะผิดจะถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะต้องพิจารณาก่อนว่าระบบเป็นอย่างไร

เมื่อถามต่อว่าเป็นการดิสเครดิตตำรวจและรัฐบาลหรือไม่เพราะอยู่ในช่วงการจัดอันดับการค้ามนุษย์ ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องดิสเครดิตอาจเป็นเจตนาพิเศษ แต่ไม่อยากไปตรงนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็จะมีคนหยิบประเด็นไปอาจเป็นประโยชน์ทางตรง ทางอ้อม เป็นธรรมชาติของสังคมเป็นธรรมดา แต่อย่างไรก็ตามเราต้องดูภาพรวมก่อน เขาเชื่อถือตำรวจแค่ไหน หากชาวบ้านไม่เชื่อถือ เราทำงานไม่ได้ ซึ่งจะต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกัน ส่วนคดีแตงโมเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ชี้แจงไปเท่าที่เขาชี้แจงได้ เขาพยามหยิบอันนู้นอันนี้มา แต่คนก็ไม่เชื่ออยู่ดี คนถ้าไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ แต่ผมยังเชื่อว่ามีคนที่เชื่อ จริงๆ แล้วเราพยายามทำตามกติกาตามหลักการ หากมีโอกาสจะแสดงให้เห็นว่าระบบของการสืบสวนสอบสวนทำอย่างไร พยายามจะเปิดการอบรมสัมมนา

เมื่อถามต่อว่าคดีโรฮีนจามีการนำเสนอของสื่อต่างประเทศด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องทำการอธิบายประชาสัมพันธ์ไป ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ทำไปแล้ว เช่นเดียวกันกับกระทรวงกลาโหมก็ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่ผมอยากให้ดูระยะยาว เพราะสุดท้ายแล้วคนก็ถูกดำเนินคดีไปเกือบทั้งหมดแล้ว มีบางรายที่ศาลไม่ลงโทษด้วยเหตุผลของกฎหมาย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไม่ตั้งใจทำ ไม่ใช่อย่างนั้น ส่วนเรื่องการเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีเหตุผลหนุนหลังพิเศษ สมมติเป็นเรื่องการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามต่อว่าหากเป็นเหตุผลทางการเมืองจากกล่าวโทษลอยๆ โดยไม่มีหลักฐาน จะดำเนินคดีอย่างไรบ้าง ผบ.ตร. กล่าวว่า จะต้องไปพิจารณาว่าเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ เพราะการกระทำบางทีแบบนี้ก็ก้ำกึ่ง แต่ขอให้เป็นวิจารณญาณของประชาชน

เมื่อถามอีกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ติดต่อพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ บ้างหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่มี ในชั้นต้นได้สำรวจตรวจสอบแล้วว่ามีอะไรที่ควรทำแล้วยังไม่ได้ทำมีไหม มีใครที่ยังรอดจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนบ้างไหม เพราะเห็นท่านบอกว่ายังมีอีกที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เราก็พยายามหาอยู่ ก็ยังไม่เจอ

เมื่อถามอีกว่ามีการพูดชื่อพาดพิงไปถึงนายก รองนายก และ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นสิ่งที่ท่านพูด และเป็นการคุยกันระหว่างตัวบุคคล ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอย่างไร สมมติเป็นอย่างที่ว่าจริง มีการช่วยเหลือกันจริง ผลก็ต้องไม่ออกมาแบบนี้ และทาง พล.ท.มนัส ก็เสียชีวิตไปแล้วในเรือนจำ หากมีการช่วยกันจริงมันไม่ใช่แบบนี้ อีกอย่างหนึ่งหากมีการช่วยกันจริงตนถามว่าจะช่วยได้หรือ คนๆเดียวทำได้หรือไม่ คดีนี้พนักงานสอบสวนมีเป็นร้อยคน คนหนึ่งจะสามารถไปสั่งทั้งขบวนการ สมมติหากช่วยกันคุณไปสั่งอย่างโน่นอย่างนี้สั่งได้หรือไม่ และตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบหลักหรือไม่ก็ไม่ใช่ เอาตรรกะมาคุยกันดีกว่า เป็นการอ้างอิงการพูดคุยของคนสองคนไม่ได้ ผมจึงอยากให้ดูผลลัพธ์

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ผกก.เตาปูน' เบรกลาออก ลุยต่องานหินคดี '2 บิ๊กตร.' จนจบเกษียณ

ผกก.เตาปูน ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง คาดทนกระแสกดดันจากการทำคดีโยง 2 บิ๊กตำรวจไม่ไหว  ขณะที่ ผบก.น.2 เรียกตัวคุยสาเหตุ จนสุดท้ายเปลี่ยนใจเดินหน้าทำงานต่อจนจบเกษียณอายุราชการปีนี้

‘สาธิต’ บอกยังงงเหมือนทุกคน ทำไม ‘ผบ.ตร.’ ถอนฟ้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’

สาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และอดีตสมาชิกพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ทุกคนรวมทั้งผมคง งง? ทำไม ผบ.ตร. ถอนฟ้องบิ๊กโจ๊ก

เดินหน้าเอาผิด 'บิ๊กต่อ-ภรรยา' ประเคนข้อมูลก้าวไกล แฉส่วยกลางสภา

“ทนายตั้ม” ดีเดย์ 1 เม.ย.เอาผิดฟอกเงิน บิ๊กต่อ  – ภรรยา  พร้อมยื่นข้อมูลให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยันให้ความร่วมมือทุกฝ่ายหากเป็นประโยชน์

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม

ตายตกไปตามกัน! 'ทนายตั้ม' แฉเส้นเงินโยง 'บิ๊กตำรวจ-3 หน่วยงาน' เก็บส่วยเว็บพนัน

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดโปงขบวนการส่วยของกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) , กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่มีคนสนิทของบิ๊กตำรวจเกี่ยวของด้วย

ทนาย 'บิ๊กโจ๊ก' ร้อง รรท.ผบ.ตร. อีกฝ่ายไม่ยอมจบ พนง.สอบสวนยังออกหมายเรียก

นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพช็ร รักษาการแทน ผบ.ตร. เพื่อขอให้ดำเนินการตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่เคยร่วมแถลงข่าวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์