
10 ต.ค. 2565 – ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (บช.ภ.3) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ จันตินวะขัย รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ชูศักดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบภ.สส.ภ.3 และพล.ต.ต.อทธิพล นาคคำ ผบก.ภ.นครราชสีมา พร้อมชุดสืบสวน ตร.ภ.3 แถลงข่าวการเปิดยุทธการกำแหงสงคราม “ปฏิบัติการหักขาม้า” ตามนโยบายของรัฐบาลมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปราม กลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยีสารสนเทศโดยเฉพาะกลุ่มแก๊งหลอกลงทุนออนไลน์ที่หลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (หน.ศปอส.ตร.) ซึ่งได้สั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวนและปราบปราบกลุ่มองค์กรอาชญากรรมกลุ่มแก๊งหลอกลงทุนออนไลน์ที่กระทำ ความผิดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้วยในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 มีประชาชนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ถูกกลุ่มคนร้ายใช้ช่องทางดังกล่าวในการหลอกลวงหรือทำกลอุบายฉ้อโกงในหลายลักษณะรูปแบบ ทำให้ประชาชนที่หลงเชื่อได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากและสร้างความเสียหายมูลค่าที่สูง พล.ต.ท.สมประสงค์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ รอง ผบช.ภ.3./ผอ.ศปส.ภ.3, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3, พล.ต.ต.อิทธิพล นาคคำ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สิทธิชัย ธัญญาบาล ผกก. สส.2 บก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สส3 บก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ ผกก. วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.3/ หน.ชุดปฏิบัติการฯ ศปอส.ภ.3, พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.เมือง นครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกันออกทำการสืบสวนและปราบปราบกลุ่มองค์กรอาชญากรรมกลุ่มแก๊งหลอกลงทุนออนไลน์ที่กระทำความผิดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบพบว่า มีกลุ่มคนร้ายหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิทัล หรือเหรียญคริปโตสกุลต่างๆ โดยใช้แอปพลิเคชัน “Coinbasepp” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายแอปพลิเคชันดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีคดีที่น่าสนใจเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ดังนี้
สภ.เมืองนครราชสีมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 – 27 พฤษภาคม 2555 หลอกให้ลงทุนซื้อเหรียญคริปโตสกุลต่างๆ ความเสียหาย 888,786.65 บาท มีการออกหมายจับ จำนวน 6 หมาย (จับกุม 4 หมาย) จากการสืบสวนขยายผลกรณี นายพรสวรรค์ วิชิต อายุ 36 ปี ได้ถูกแก๊งหลอกลงทุนออนไลน์ หลอกลวง โดยชักชวนให้ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิตอลหรือเหรียญคริปโตสกุลต่างๆ ในแอปพลิเคชัน “Coinbasepp” (ซึ่งคนร้ายสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการหลอกลวงประชาชน) โดยให้ผู้เสียหายได้ลงเชื่อ โอนเงินซื้อเหรียญในแอปพลิเคชันดังกล่าวไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงินจำนวน 871,542.69 บาท เมื่อผู้เสียหายจะทำการถอนเงินออกจากระบบแต่กลับไม่สามารถถอนเงินจากระบบได้ และแอปพลิเคชันดังกล่าวจะปิดระบบหนีไป
จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของคนร้ายพบว่า ได้มีการโอนเงินดังกล่าวไปยังบัญชีม้าอื่นๆ อีกหลายบัญชีเป็นเวลาต่อเนื่องกันภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที โดยเหตุที่มีการโอนเงินต่อเนื่องกันของคนร้ายนั้น เพื่อให้เกิดการทำธุรกรรมที่สลับซับซ้อนยากในการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนติดตาม จึงได้มีการดำเนินคดีและออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.เจ้าของบัญชีทั้งหมดที่มีการรับโอนเงินเป็นทอดๆ จำนวน 3 ราย เป็นชายชาวไทยใหญ่ 1 คน, หญิงคนจังหวัดลพบุรี 1 คน หญิงคนจังหวัดหนองคาย 1 คน (จับกุม 1 หมาย) ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
2.ผู้ที่จัดหาว่าจ้างในการให้ผู้อื่นเปิดบัญชี จำนวน 3 ราย เป็นชายคนจังหวัดตาก 1 คน ชายคนจังหวัดเชียงราย, หญิงคนจังหวัดอ่างทอง (จับกุมแล้ว) ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
3.ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ท่าหน้าที่ฟอกเงิน บริษัท และเจ้าของร้านขายเหรียญดิจิทัล ที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยการนำเงินที่ได้จากกลุ่มคนร้ายไปเปลี่ยนเป็นสินค้า หรือแปลงสภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะได้มีดำเนินการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์ ดำเนินคดีทางแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเพื่อเยียวยาคืนให้แก่ผู้เสียหายและเพื่อให้ทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พสกนิกรโคราชปลูกต้นไม้ 9 พันต้น เฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง ร.9'
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวามหาราช
ปปง.ล้มยักษ์สแกมเมอร์ ยึดทรัพย์ ’เฉิน จื้อ-ก๊ก อาน-เบน สมิธ‘ หมื่นล้าน
คณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึด-อายัดทรัพย์ 289 รายการ มูลค่า 10,165 ล้านบาท จาก 4 คดีใหญ่ของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ พบเส้นทางเงินโยงกัมพูชา ใช้บัญชีม้า-คริปโตฟอกเงิน ซ่อนทรัพย์ผ่านบริษัทและบุคคลใกล้ชิดเป็นทอด ๆ
ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี
ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท
ดิ้นสู้สุดซอย! 'โจ๊ก' ให้ข้อมูล สว. ขยี้องค์กรตำรวจพังพินาศ รับส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง
'บิ๊กโจ๊ก' เข้าแจง 'กมธ. การกฎหมายฯ สว.' ซัดตำรวจซื้อขายตำแหน่ง เป็นเรื่อง 'เลวระยำ' ลั่น ถ้าเราไม่ส่งเสริม ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ ชี้ จากคนไร้อำนาจ พอขึ้นมาก็เอาหมดทุกอย่าง
รองจเรตำรวจ จวก กมธ. ใช้เวทีสภาฯสร้างสงครามข้อมูลข่าวสาร ชี้นำสังคม เป็นอันตรายต่อสำนวนคดี
"ไตรรงค์" โต้ "บิ๊กโจ๊ก" กล่าวหาตำรวจมีการใช้บัญชีม้าเป็นเรื่องปกติ ย้ำบัญชีม้าคือหัวใจองค์กรอาชญากรรม ชี้เป็นการสะท้อนถึงตัวผู้กล่าวหา ให้ประชาชนรับฟังข้อมูลรอบด้านจากข้อเท็จจริงและหลักฐาน เพราะคนที่พูดถูกให้ออกจากราชการ
รัฐบาลเตรียมออกพระราชกำหนด ตอบโต้สแกมเมอร์ คุมซิมบ็อกซ์-บัญชีม้า
“ไชยชนก” เตรียมออก พรก. ใช้เป็นเครื่องมือปราบสแกมเมอร์ ย้ำ เดินหน้าหลายมาตรการ ทั้งจำกัดซิมการ์ด-เพิ่มขั้นตอนเปิดบัญชีธนาคาร เล็งคุยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาวิธีป้องกันใช้ซิมบ๊อกซ์ ส่วนบัญชีม้าหากพบคนเดิมทำผิดซ้ำในช่วง 3 ปี จ่อห้ามเปิดบัญชีตลอดชีพ ขณะที่ ”ผบ.ตร.“


