'บิ๊กเด่น-บิ๊กโจ๊ก' ไปคนละทิศ คดี'ตู้ห่าว' มวยล้มดังกระหึ่ม!

เอ๊ะยังไง! คดีกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่มี “ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” หรือ “ตู้ห่าว” นักธุรกิจชาวจีนที่แปลงสัญชาติเป็นคนไทย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ

                ระหว่าง “บิ๊กเด่น”พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กับ “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)

                ถึงร้องเพลงกันคนละคีย์!!!

                คดีไปคนละทาง!!!

                เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา “ผบ.เด่น” ส่งสัญญาณมีหลักฐานเพิ่มเติมที่อาจจะดำเนินคดีตู้ห่าว ในข้อหา “อาชญากรรมข้ามชาติ” เพราะมีองค์ประกอบที่น่าจะเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมจข้ามชาติได้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

                ผบ.เด่น บอกว่า มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในช่วง 1-2 วันนี้ มีหลักฐานเพิ่มเติมว่าอาจจะมีการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นเป็นคณะบุคคลที่มาจากต่างประเทศ ทางคณะทำงานของนครบาลได้พิจารณาแล้ว อาจจะเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หากมีการพิจารณาแล้วว่าเข้าข่าย ก็จะมีการเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา หากมีความเห็นชอบตรงกัน พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจะเป็นอัยการสูงสุด เป็นการทำงานตามข้อเท็จจริงมาประกอบ เป็นไปตามพยานหลักฐานเป็นช่วงๆ ขณะนี้ยังมีการสอบปากคำไปเรื่อยๆ

                “เมื่อเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติก็จะเป็นคดีนอกราชอาณาจักรไปโดยปริยาย เพราะมีคณะบุคคลในต่างประเทศกระทำความผิด โดยเฉพาะการวางแผนการเชิญชวนให้คนจีนเข้ามาเที่ยวและประกอบธุรกิจในไทย ซึ่งเข้าข่ายความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ และเตรียมพิจารณาดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวเพิ่ม โดยหากพบความผิดจริงก็จะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อออกคำสั่งว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นหัวหน้าคณะทำงาน หรือทำงานร่วมกัน เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร”

                ที่สำคัญ “ผบ.เด่น” ยังบอกจากการที่ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้กำกับดูแลคดี และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มั่นใจในพยานหลักฐาน

                ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องมวยล้มต้มคนดู

                มั่นใจว่าไม่มีมวยล้มแน่นอน

                แต่จู่ๆถัดมาเพียงแค่วันเดียว วันที่ 14 ธ.ค. “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ “ผบ.เด่น”บอกเป็นผู้กำกับดูแลคดี ก็ออกมาตัดสัญญาณการเอาผิด “ตู้ห่าว” ในข้อหา “อาชญากรรมข้ามชาติ” ของ”ผบ.เด่น” ชนิดหัวคะมำ บอกยังไม่พบความผิดนอกราชอาณาจักร

                “ขณะนี้ทางทีมสืบสวนที่รับผิดชอบได้สืบสวนแล้วยังไม่พบความผิดนอกราชอาณาจักรของกลุ่มนายตู้ห่าว และได้สรุปส่งไปให้ ผบช.น.แล้ว โดยหากจะดำเนินคดีนอกราชอาณาจักรได้นั้น จะต้องสืบสวนให้ได้แน่ชัดก่อนว่าขบวนการนี้ต้องเตรียมการวางแผนมาจากต่างประเทศ และเข้ามาก่อเหตุในไทย”

                “บิ๊กโจ๊ก” ยังบอกยาเสพติดที่ชื่อแฮปปี้วอเตอร์ที่พบในจินหลิงผับพบว่าผสมเองในไทย ไม่ได้นำเข้า ไม่พบการโอนเงินไปยังต่างประเทศ จึงยังไม่พบความผิดในส่วนนี้ และไม่สามารถแจ้งข้อหาอาชญากรข้ามชาติได้ เช่นเดียวกับคดียาเสพติดทั่วไปที่จับได้หากจะดำเนินคดีความผิดอาชญากรข้ามชาติ ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการวางแผนนำเข้าประเทศอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะหากนำเสนออัยการแล้วก็จะสั่งไม่ฟ้อง

                อ้าว… จะเชื่อใครดี???

                หลายคนเกิดคำถาม ระหว่าง “ผบ.เด่น”กับ “บิ๊กโจ๊ก” มีอะไรในก่อไผ่มากกว่าหน่อไม้หรือไม่

                แม้ “บิ๊กโจ๊ก” จะออกตัวเมื่อถูกสื่อทักว่า ผบ.ตร.ให้ข้อมูลว่าพบข้อมูลว่าเข้าข่ายความผิดอาชญากรข้ามชาติ ในทำนอง

                “น่าจะได้รับข้อมูลการสืบสวนมาจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน และเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามกฎหมาย ส่วนในชุดสืบสวนของตัวเองนั้นเป็นการตั้งขึ้นมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำกับดูแล และร่วมสืบสวนเพื่อนำความเห็นส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเท่านั้น”

                ยิ่งช่วงหลังการดำเนินคดีกลุ่มนายทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะกับ”ตู้ห่าว” ผู้ต้องหารายสำคัญ ดูเหมือนจะนิ่ง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้าจากข้อหาความผิดที่เคยแจ้งเอาไว้

                แถม”ตำรวจ”ชุดที่สืบสวนเกี่ยวกับคดีนี้ กลับพุ่งเป้าไปเอาผิด “ตม.” ที่ปล่อยให้กลุ่มทุนจีนเข้ามาในประเทศ ชนิดเอาเป็นเอาตาย

                พอการดำเนินคดี “ตู้ห่าว” มามีความขัดแย้ง มาร้องเพลงกันคนละคีย์ ของตำรวจผู้มีอำนาจ

                “มวยล้มต้มคนดู” เลยผุดขึ้นมาในหัวใครๆหลายคนอีกครั้ง.