เด้งอีกราย 'ด.ต.' เอี่ยวนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน จ่อแจ้ง 2 ข้อหา ตำรวจ บก.จร.

23 ม.ค.2566 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปตำรวจไทยขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ว่า การตรวจสอบคลิปที่ปรากฏใน 2-3 วันที่ผ่านมาในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวได้พบ “ด.ต.”คนหนึ่งเพิ่มเติม กลายเป็นว่าตอนนี้ตำรวจท่องเที่ยวจะมี 2 นาย ซึ่ง ด.ต.คนนี้เป็นคนประสานงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักกับกลุ่ม 2 แม่ลูกนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย จึงได้รับการติดต่อจากคนไทยคนหนึ่งติดต่อมายังนายดาบตำรวจท่องเที่ยวคนนี้

วันนั้นนายดาบตำรวจไม่ว่างจึงโทรศัพท์ให้ ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 เป็นผู้รับหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวดังกล่าวเอง ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ได้เรียกเข้าประจำ ศปก. แล้วและได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไว้แล้วด้วย

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ส่วนตำรวจ 2 นายที่สังกัด บก.จร. ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเรื่อง พ.ร.บ.จราจรทางบก และพ.ร.บ.เครื่องหมายราชการในเรื่องการนำไซเรนและเครื่องหมายราชการมาติดที่รถ ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 1 จะดำเนินการในส่วนที่จะเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นในคลิปวันนั้น ทางจเรตำรวจเตรียมสรุปเบื้องต้นเพื่อตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่จะลงโทษทางวินัยและทางอาญาได้ต่อไป

โฆษก ตร. กล่าวว่า ทั้งนี้ต้องเชิญชายคนไทยเข้ามาให้ปากคำ เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน เบื้องต้นจากการสอบปากคำพบว่าไปรู้จักกันที่งานๆ หนึ่งช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยได้รู้จักกับทางรถนำขบวน จึงมีการแลกเบอร์กันไว้ เมื่อมีงานจึงมีการติดต่อมา ส่วนประเด็นเรื่องการรู้จักชาวจีน จะต้องเชิญเข้ามาให้ถ้อยคำหรือเชิญมาสอบถามเรื่องราวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้กรณีเงินที่ปรากฎในคลิป 200 บาทแจ้งว่าเป็นเงินค่าทางด่วนแต่เรื่องเงิน 7,000 บาทขอดูรายละเอียดเรื่องการให้ปากคำอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนประเด็นคำบรรยายไทยในคลิปดังกล่าว พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ในส่วนซับที่แปลเป็นไทยในส่วนของนักท่องเที่ยวเอง กรรมการมีแนวคิดว่าจะต้องเชิญมาให้ถ้อยคำเช่นเดียวกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวยังอยู่ในประเทศไทย มีโอกาสที่จะเชิญมาให้ถ้อยคำ ทั้งนี้ในทุกประเด็น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการตั้งแต่วันแรกที่เห็นคลิปให้จเรตำรวจ สอบประเด็นให้ครบทุกมิติ ทั้งเรื่องการเรียกรับ วิธีการ ทำมากี่ครั้งและทำมาในรูปแบบของบริษัทหรือประสานงานกับคนนอกอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนอยู่แล้ว

โฆษกตร. กล่าวอีกว่า จริงๆเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดบก.จร. ซึ่งจะดูเรื่องการจราจร รถวิทยุ จักรยานยนต์นำ ส่วน บช.ทท.เป็นที่ทราบกันว่าปฏิบัติงานในสนามบินทั้ง 2 หน่วยมีการปฏิบัติงานในพื้นที่ตัวเอง ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าเป็นตำรวจที่ขับรถนำรัฐมนตรี พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า คงต้องสอบประเด็นให้ครบทุกมิติ ผมขอเรียนว่าในเรื่องของตำรวจจะต้องไปพิจารณาว่าผู้บังคับบัญชาให้ไปปฎิบัติหน้าที่อะไร ในวันนั้นเข้าเวรหรือไม่ เข้าเวรแล้วมาทำงานพิเศษ หรือไม่ได้เข้าเวรเป็นวันพัก จะต้องเริ่มต้นที่ตรงนี้มากกว่า

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากคำให้การในเบื้องต้น ได้ให้การว่ารู้จักกับชายคนหนึ่งที่งานๆ หนึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน และมีการแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ ซึ่งผู้ชายคนนี้ทำเกี่ยวกับเรื่องของรถเช่า รถที่มารับนักท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งนี้จากการตรวจสอบทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นของส่วนตัว นำมาติดตั้งไซเรนและเครื่องหมายที่เป็นราชการ ส่วนประเด็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่จะต้องพิจารณาเรื่องข้อเท็จจริงประกอบกันทั้งหมด ไม่ทิ้งประเด็น ถ้าเข้าวินัยหรือหากเข้าอาญาด้วยก็จะต้องดำเนินการ

ส่วนกรณีกระแสข่าวว่ามีการปรับราคาขึ้นเพราะเป็นเรื่องดังในประเทศไทยมีการตรวจสอบแล้วหรือไม่ พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ตนคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างคงไม่มีความลับ ฉะนั้นต้องบอกไว้เลยว่าการกระทำในลักษณะนี้ทำไม่ได้ เรื่องการนำขบวนการอำนวยความสะดวกกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ไม่สามารถทำได้ มีระเบียบมติครม. เมื่อกันยายน 2544 ซึ่งได้มีการใช้มาตลอดโดยมีการกำชับเรื่องการขอรถนำขบวน ประกอบด้วย 2 ประเด็น คือ รถนำขบวนที่นำโดยปกติ และรถนำขบวนที่ขอเป็นครั้งคราว ซึ่งการขอเป็นครั้งคราว ในพื้นที่กรุงเทพฯ จะต้องขอจากผู้บังคับการตำรวจจราจร หากเป็นพื้นที่นอกพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องขอผู้บังคับการตำรวจทางหลวง

ส่วนผบ.ตร.มีอำนาจพิจารณาเป็นรายๆไป ที่ผ่านมาทั้งหมดไม่สามารถให้นักท่องเที่ยวส่วนตัว ส่วนบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เว้นแต่แขกสำคัญของทางราชการ หรือกลุ่มที่เป็นกรุ๊ปเป็นกลุ่มเป็นก้อนของการเดินทาง ทางราชการ หรือในเรื่องการทัศนศึกษาของเด็กนักเรียน หรือกลุ่มทัวร์ที่จะมาทำประโยชน์หรือมีผลที่จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์เรื่องการท่องเที่ยวก็จะพิจารณาเป็นรายๆไป จากการประสานงานของหน่วยราชการ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวหรือกระทรวงต่างๆ ที่ขอมาและมีเหตุผล และไม่ใช่บรรทัดฐานทุกบรรทัดฐานจะใช้เหมือนกันหมด เพราะต้องดูเรื่องกำลังพลของเจ้าหน้าที่และเรื่องรถที่จะสามารถสนับสนุนได้หรือไม่ ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยเหตุผลหลักคือเพื่อความปลอดภัยของขบวน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่บนถนนเป็นหลัก

โฆษกตร. กล่าวว่า บช.น. โดย บก.จร. และบช.ทท. ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายไว้ด้วย ซึ่งจะมีคำสั่งซ้อนมาอีกหนึ่งคำสั่ง เพื่อพิจารณาว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือรับทราบเรื่องของการปฎิบัติเจ้าหน้าที่ในส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองอย่างไรหรือไม่

“การสังเกตรถนำผมเข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องยาก ผบ.ตร.ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นตั้งแต่ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้กำกับการได้สอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัดในการปฏิบัติเช่นนี้จะต้องไม่มีอีก หากประชาชนพบข้อมูลหรือมีข้อสงสัยได้ส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีที่จะตรวจสอบ ถ้าพบการกระทำผิดหรือเข้าข่ายการดำเนินการอย่างไรก็จะทำอย่างเต็มที่ไม่มีละเว้น” พล.ต.ต.อาชยน กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ในโลกโซเชียลมีการพูดถึงแอปพลิเคชั่นของชาวจีน มีการเปิดให้บริการต่างๆ ทั้งรถนำขบวน ผู้ทำวีซ่า การทำเด็กหลอดแก้ว จะมีการขยายผลหรือไม่ พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอยู่ว่ามีข้อมูลอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่เห็นในแอปมีหลายหน่วยงานที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องไม่เฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่คงต้องขอประชาสัมพันธ์ว่าถ้าพบเห็นว่าเป็นกรณีที่มีการเข้าข่ายกระทำเช่นนี้จะไม่ละเว้นและจะดำเนินการทุกราย ส่วนประเด็นของตม. ได้ตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และสอบปากคำไปหมดแล้ว ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในกรณีนี้ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงแต่อย่างใด

ทั้งนี้มีรายงานว่า ด.ต.ท่องเที่ยวที่ได้รับการติดต่อประสานงานมาคือ ด.ต.ขจรศักดิ์ แผ่นผา ผบ.หมู่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการท่องเที่ยว 1

 

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ นัดถก ก.ตร. ร่างกฎว่าด้วยการสั่งย้ายเข้ากรุ-สำรองราชการใน สตช.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะเดินมาประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 2/2567 วันอังคารที่ 26 มี.ค. เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. โดยมีวาระที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ

สั่งฟันวินัย-อาญา 'ด.ต.' เมาขับชนแหลก 10 คัน เร่งเยียวยาเหยื่อ

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( รองโฆษก ตร.) เปิดเผยถึงกรณีมีข้าราชการตำรวจขับรถกระบะชนจักรยานยนต์ รถยนต์ และสามล้อเครื่อง รวมเกือบ 10 คัน