ชัตดาวน์เครือข่ายเว็บพนัน 'สารวัตรซัว' ยึดทรัพย์แล้วกว่า 7 พันล้าน

15 พ.ค.2566 - ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., แถลงการณ์เปิดปฏิบัติการชัตดาวน์เครือข่ายพนันออนไลน์เครือข่ายสารวัตรซัว จับกุมผู้ต้องหา 57 ราย โดยกล่าวหาว่า “อั้งยี่, ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันฯ, สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และ ร่วมกันฟอกเงิน

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า นับแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการตรวจสอบคดี พ.ต.ท.วสวัตติ์ฯ หรือสารวัตรซัว อดีตข้าราชการตำรวจ หลังจากมีประเด็นกรณีเป็นเจ้าของเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ซึ่งมีพฤติการณ์ในการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ และจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ ทางตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเป็นการเร่งด่วน ทำการสืบสวนสอบสวนในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการวางแผนการปฏิบัติการออก เป็น 4 ห้วง ดังนี้

ห้วงแรก ในช่วง 3 มี.ค.66 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดยุทธการทลายอาณาจักร “ซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์” ทำการตรวจค้น 61 จุด ทั่วประเทศ และออกหมายจับสารวัตรซัว ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตรวจยึดทรัพย์จากผู้ต้องหา อาทิ รถยนต์หรู จำนวน 3 คัน, โฉนดที่ดินรวมกว่า 446 ไร่, สมุดบัญชีธนาคาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวนกว่า 100 รายการ รวมตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท

ห้วงสอง เมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 ทำการตรวจค้น 9 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯและจันทบุรี เพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญ และนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาซักถามข้อมูล เพื่อขยายผลห้วงที่สาม ในวันที่ 11 เม.ย.66 มีการเปิดปฏิบัติการ เดินหน้าต่อ บุกรัง ยึดทรัพย์ “อาณาจักรซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์” ตรวจค้นเป้าหมายกว่า 16 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาสำคัญตามหมายจับได้ทั้งสิ้น 3 ราย (กลุ่มคีย์แมน) พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหา จำนวนกว่า 170 รายการ รวมมูลค่ากว่า 480 ล้านบาท

ในครั้งที่ 4 ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเครือข่ายสารวัตรซัวได้ทั้งขบวนการ ตั้งแต่ลูกค้าที่ใช้งานระบบ Askmebet (AMB) และ พนันอื่นๆ ในเครือบริษัทเป็นต่อ กรุ๊ป ในพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ เชียงราย, กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, พิจิตร, ลพบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, กระบี่, อุดรธานี, มหาสารคาม, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, ชลบุรี, จันทบุรี, ตราด และนครศรีธรรมราช ตรวจค้นเป้าหมายกว่า 39 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งสิ้น 30 ราย ซึ่งผู้อยู่ในเครือข่ายฟอกเงินที่กระทำการด้านธุรกรรมการเงินให้แก่สารวัตรซัว, บัญชีม้ารับเงิน, พนักงานในบริษัท รวมถึงผู้เป็นกรรมการบริษัทและถือครองทรัพย์สินแทน โดยการกระทำของสารวัตรซัวและเครือข่ายเป็นคณะบุคคลปกปิดวิธีการดำเนินการ โดยมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

 

จากการนำข้อมูล ตลอดระยะเวลา 3 เดือน เครือข่ายมาเฟียการพนันออนไลน์นี้ เป็นองค์กรขนาดใหญ่พบ พฤติกรรมของสารวัตรซัว มีการก่อตั้งบริษัทที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2559 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 61 บริษัท ในจำนวนนี้ มี 7 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจการพนันและผลิตเว็บการพนันออนไลน์โดยเฉพาะ ที่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงสู่การกระทำความผิด ได้แก่

1. บริษัท ไวคอมเมิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีนายภัทรวุธ (กรรมการ) 2. บริษัท พีที ซอฟแวร์ บายเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด มีนายธีรพงศ์ (ผู้ถือหุ้น), นายอุกฤษฎ์(อดีตผู้ถือหุ้น) 3. บริษัท โกไลฟ์ จำกัด มีนายปกรณ์ (กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), นายณรงค์ชัย (ผู้ถือหุ้น) 4. บริษัท สน๊อคโค จำกัด มีนายปรกรณ์ (กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), นยภัทราวุธ(กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), นายณรงค์ชัย(กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), สว.ซัว (ผู้ถือหุ้น)

5. บริษัท สน๊อคโค เทคโนโลยี จำกัด มีกรรมการผู้ถือหุ้น นายปกรณ์, นายภัทราวุธ, นายณรงค์ชัย, สว.ซัว 6. บริษัท ชาโดว์ฮิวโก้ เอเจนซี่ จำกัด มีกรรมการผู้ถือหุ้น นายกุลนัทที 7. บริษัท เป็นต่อกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด มีกรรมการผู้ถือหุ้น นายธีรพงศ์, นายอดิศรฯ, นายอุกฤษฎณ์ และสาววัตรซัวมีหลักฐานในการดำเนินคดี อั้งยี่ และจัดให้มีการเล่นการพนัน เปิดบริษัทมาเพื่ออำพรางปกปิดวิธีการดำเนินการ โดยในปีที่ผ่านมา พบว่าเครือข่ายนี้ มีรายได้จากธุรกิจการพนันกว่า 10,000 ล้านบาท

ผบช.ก.กล่าวต่อว่า จากปฏิบัติการทั้ง 4 ครั้งดังกล่าว ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 57 ราย จำนวน 64 หมาย และยังมีผู้ต้องหาบางส่วนที่หลบหนีต่างประเทศ 19 ราย จำนวน 24 หมาย ทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด จำนวน 33 ล้านบาท,ที่ดินจำนวน 1,298 ไร่ มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท, บัญชีธนาคาร 236 บัญชี มูลค่า 760 ล้านบาท , รถยนต์หรู 15 คัน มูลค่าประมาณ 52,844,000 บาท และเหรียญสกุลเงินดิจิทัลกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดรวมกว่า 7,000 ล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โจ๊ก' ถาม 'อนุทิน' ทำอะไรอยู่ เว็บพนันระบาดหนัก เรื่องซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ ก็ไม่ตรวจสอบ

'บิ๊กโจ๊ก' ผิดหวังตัวแทนฝั่งตำรวจไม่เข้าแจงกมธ.ความมั่นคงฯ ฝากถึง 'อนุทิน' ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ เหตุเว็บพนันยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง

เปิดแผล“ส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง” โค่นเก้าอี้"ผบ.ตร."จุดไฟ"องค์กรตำรวจ"

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร้อนเป็นไฟ! ด้วยเชื้อปะทุ “ส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง” ที่ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.หันมาจับมือกับอดีตคู่กัด นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม สาดน้ำมันเข้ากองไฟเผา "องค์กรตำรวจ" แทบไม่เหลือซาก

ดิ้นสู้สุดซอย! 'โจ๊ก' ให้ข้อมูล สว. ขยี้องค์กรตำรวจพังพินาศ รับส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง

'บิ๊กโจ๊ก' เข้าแจง 'กมธ. การกฎหมายฯ สว.' ซัดตำรวจซื้อขายตำแหน่ง เป็นเรื่อง 'เลวระยำ' ลั่น ถ้าเราไม่ส่งเสริม ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ ชี้ จากคนไร้อำนาจ พอขึ้นมาก็เอาหมดทุกอย่าง

รองจเรตำรวจ จวก กมธ. ใช้เวทีสภาฯสร้างสงครามข้อมูลข่าวสาร ชี้นำสังคม เป็นอันตรายต่อสำนวนคดี

"ไตรรงค์" โต้ "บิ๊กโจ๊ก" กล่าวหาตำรวจมีการใช้บัญชีม้าเป็นเรื่องปกติ ย้ำบัญชีม้าคือหัวใจองค์กรอาชญากรรม ชี้เป็นการสะท้อนถึงตัวผู้กล่าวหา ให้ประชาชนรับฟังข้อมูลรอบด้านจากข้อเท็จจริงและหลักฐาน เพราะคนที่พูดถูกให้ออกจากราชการ

ผบ.ตร. โต้เสียงวิจารณ์ ทำตัวเป็นพระเอกลิเก ยืนยันทุกวินาทีคิดแต่เรื่องทำให้องค์กรตำรวจดีขึ้น

"ผบ.ตร."โต้เดือดยันไม่ได้เล่นลิเก ใครมีหลักฐานซื้อขายตำแหน่งให้ส่งมา ใครรับเงินแต่งตั้งโง่สุดๆ ย้อนถามตัวเองเคยทำแล้วอย่าคิดว่าคนอื่นจะทำด้วย