ซูเปอร์โพล ห่วงโจรไซเบอร์ใช้นโยบายรัฐ หลอกประชาชน

12 .. 2566 – ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll)ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวในฐานะผู้แทนภาคประชาชนในกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง ภัยอยู่กับมือ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากผลสำรวจและแหล่งอื่น ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.0 เคยถูกหลอกลวงในโลกออนไลน์จากการใช้โซเชียล และแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.2 เคยตกเป็นเหยื่อขบวนการมิจฉาชีพในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ เช่น ลิงก์ล่อเหยื่อ เข้าใช้บริการระบบออนไลน์ไม่ได้ การถูกดูดเงินออกไปจากบัญชี และอื่น ๆ ปัญหาอันตรายเหล่านี้คือ ภัยอยู่กับมือ ของประชานทุกคน การที่รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชนกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ รวมเป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาทจึงกลายเป็นบ่อน้ำมันทรัพยากรอันมีค่ามหาศาลล่อตาล่อใจให้ขบวนการ “โจรไซเบอร์” กล้าลงทุนเข้ามาโจมตีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของรัฐบาลและที่โจมตีง่ายที่สุดคือ โทรศัพท์มือถือของประชาชน จึงกลายเป็น ภัยอยู่กับมือ ที่รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นของชาติจะนิ่งนอนใจต่อไปไม่ได้ เพราะการโจมตีทางไซเบอร์ไปยังมือถือของประชาชนกำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ทั่วโลกในเวลานี้

ที่น่าพิจารณา คือ การสื่อสารกับประชาชนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงต่อประชาชนทั้งประเทศถึงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชันไปยังมือถือของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ทั้งประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนระดับอำเภอทุกอำเภอและการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเสริมสร้างความตระหนักต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์มาเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนก่อนวันกดปุ่มแจกเงินให้ประชาชนผ่านทางมือถือ เพราะจุดอ่อนที่สุดของการโจมตีทางไซเบอร์โดย “โจรไซเบอร์” คือ ปลายทาง (End Point) นั่นคือโทรศัพท์มือถือของประชาชนและนั่นคือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร การทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชนผ่านทางโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในอันตรายที่เรียกว่า ภัยอยู่กับมือ 

ที่น่าเป็นห่วงคือ ภัยอยู่กับมือของประชาชนนี้ควรนับรวม ภัยต่อความมั่นคงของชาติ ภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ที่อยู่กับโทรศัพท์มือถือของประชาชนทุกคนด้วย โดยขบวนการโจรไซเบอร์พร้อมจะลงทุนใช้เทคโนโลยีมาโจมตีเอาเงินที่มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาทจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล เพราะโจรไซเบอร์เคยโจมตีระบบความปลอดภัยสูงทางไซเบอร์กับระบบบล็อกเชนมาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นั่นขบวนการโจรไซเบอร์ทำให้เกิดความเสียหายเพียงหลักหมื่นล้านบาท แต่สำหรับประเทศไทยมูลค่าห้าแสนล้านบาทจึงเป็นที่ล่อตาล่อใจให้ขบวนการโจรไซเบอร์ลงทุนโจมตีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอย่างแน่นอน 

ที่น่าพิจารณาคือ การที่นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศจะพัฒนา เป๋าตัง ไปสู่การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำให้เกิดความปลอดภัยสูง ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น และการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงไปใช้ประโยชน์พัฒนาประเทศมิติอื่น ๆ นั้นถือได้ว่านายเศรษฐา  ทวีสินจะเป็นนายกรัฐมตรีคนแรกของประเทศไทยและคนแรก ๆ ของโลกที่กล้าจะใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยสูงมาทำให้บ้านเมืองขาวสะอาดลดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนได้ผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ถ้านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันไม่ถูกสกัดเสียก่อน

ผศ.ดร.นพดล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒินโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ด้านผู้แทนภาคประชาชน กล่าวต่อด้วยว่า จากการประชุม ก.ต.ช. ครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีรับมอบนโยบายจากนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสินและมีโอกาสสนทนารับทราบแนวทางการดูแลความปลอดภัยของประชาชนจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ทำให้ได้รับรู้ถึงความตั้งใจและแนวทางในการดูแลรักษาความสุขสงบและความปลอดภัยของประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่องในฐานะผู้นำหน่วยที่ดี เก่ง และกล้า ตามที่สื่อมวลชนจำนวนมากตั้งฉายาเป็นตำรวจสายบุญ เก่งเพราะความรู้ความสามารถและกล้าทำคือทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ยุทธศาสตร์ปลายด้ามขวานของประเทศไทยคือสามจังหวัดชายแดนใต้ และทำเรื่องที่ท้าทายยากมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งคือ ป้องกันอันตรายของประชาชนในโลกไซเบอร์

จากการศึกษาพบว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ให้ความสำคัญออกมาตรการป้องกันและปราบปรามควบคู่ไปกับการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ตั้งแต่ก่อนเป็น ผบ.ตร.จนถึงวันนี้ รัฐบาลและทุกภาคส่วนจึงควรนำขึ้นมาเป็นวาระสำคัญของชาติอีกวาระหนึ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการเตรียมการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาล โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน แถลงผลงาน 1 เดือนว่ามีสถิติรับแจ้งความปัญหาภัยออนไลน์ที่สามารถอายัดได้ทันกว่าพันล้านบาทจากคดีภัยออนไลน์กว่าสามแสนคดี มูลค่าความเสียหายกว่าสี่หมื่นล้านบาท โดยมีการหลอกลวงหลายรูปแบบ เช่น คดีหลอกซื้อขายสินค้าและบริการฯ หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน หลอกให้กู้เงิน กรณีนี้จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าเป็นปัญหาภัยไซเบอร์

ที่น่าสนใจคือ การช่วยเหลือประชาชนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รู้เท่าทันป้องกันภัยออนไลน์ในโลกไซเบอร์คือด้วยความห่วงใยของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบันได้เปิดช่องทางเพื่อให้ความรู้และเสริมสร้างความตระหนักความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ประชาชนสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ “ฉลาดโอน” chaladohn.com ที่ช่วยเหลือประชาชน เพื่อป้องกันภัยการฉ้อโกงออนไลน์ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลมิจฉาชีพ ได้แก่ เลขบัญชีธนาคาร  เบอร์โทร SMS หลอกลวง เว็บไซต์ฉลาดโอนช่วยให้ประชาชนมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการตรวจสอบข้อมูลมิจฉาชีพ เป็นเสมือนศูนย์กลาง ในการตรวจสอบข้อมูลของมิจฉาชีพที่อยู่ทั้งในและนอกประเทศ โดยมีระบบการทำงานแบ่งเป็นสี่ระบบได้แก่ ระบบเช็กก่อนโอนตรวจสอบข้อมูล ระบบแจ้งคนโกง ระบบช่วยรวมหลักฐาน รับฟัง จัดลำดับเหตุการณ์ และระบบยืนยันตัวตนผู้ขาย โดยระบบจะเริ่มใช้งานได้ในวันที่ 8 พ.ย. 66 เป็นต้นไป 

จากการศึกษาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังพบด้วยว่า มีประชาชนเข้าไปเช็กคนโกงกว่า 3,389,840 ครั้ง เช็กตัวต้นผู้ขายกว่า 24,629 ครั้ง แจ้งคนโกงกว่า 410,900 ราย ดังนั้น ทุกภาคส่วนควรเร่งหันมาสนใจ ภัยอยู่กับมือ ของทุกคน โดยจำเป็นต้องมีการออกกฎหมายเป็น พ.ร.บ. ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ได้มาตรฐานสากล เพราะจากการสำรวจของซูเปอร์โพลล่าสุด พบว่า เจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 80 ยังมีความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ ISO 27000 และ ISO 31000 เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งในส่วนความปลอดภัยของข้อมูลและการจัดการความเสี่ยง อยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง เท่านั้น จึงควรเร่งปรับปรุงยกระดับมาตรฐานคุณภาพของเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยรัฐบาลนำเงินบางส่วนจากแสนล้านบาทมาลงทุนยกเครื่องความรู้ความสามารถ ความตระหนักในความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์น่าจะทำให้ ภัยอยู่กับมือ กลายเป็น ความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนอยู่ในมือทุกคนได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ซูเปอร์โพล' การันตี 'ทักษิณ' เป็นผู้มีบารมี ปชช.วอนแก้ปากท้อง

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง จับกระแสโพล ทักษิณ ชินวัตร กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ

ไทยเฉยมาแรง! ไม่ยึดติดขั้วการเมือง เทใจให้ตามทิศผลประโยชน์

เปิดผลโพลความต้องการของประชาชน ต้องการเดินหน้าเงินดิจิทัล หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง ขณะการเมือง ไม่ยิดติด พร้อมหนุนกลุ่มทำดี มีผลประโยชน์

'ซูเปอร์โพล' ชี้ประชาชนพอใจให้โอกาส 'เศรษฐา' บริหารประเทศให้อยู่ครบวาระ

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ประเมินผลงานรัฐบาล 6 เดือน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป