ตร.เตือนเงินคนอื่นเข้าบัญชีต้องคืนบัญชีเดิมอาจตกเป็นเครื่องมือมิจฉาชีพ แนะให้ไปที่สถานีตำรวจใกล้บ้านเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
31 ธ.ค.2564 -พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น
สืบเนื่องจากกรณีที่มี พนักงานส่งของ (Messengers หรือ Riders) ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ว่าถูกคนร้ายหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตน และให้นำเงินไปมอบให้กับคนร้าย ส่งผลให้บัญชีธนาคารของตนถูกระงับ และอาจถูกดำเนินเนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น ซึ่ง อาชญากรรมดังกล่าว เป็นอาชญากรรมในรูปแบบของการหลอกใช้บัญชีธนาคาร โดยคนร้ายจะมีพฤติกรรมในการหาข้อมูลบัญชีธนาคารและหมายเลขโทรศัพท์จากแหล่งต่าง ๆ เช่น บัญชีธนาคารที่เคยโพสต์ขายสินค้า หรือบัญชีธนาคารที่เคยมีการติดต่อกับคนร้าย
จากนั้นจะนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปหลอกขายสินค้า และให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร และคนร้ายจะติดต่อไปยังเจ้าของบัญชี อ้างว่าโอนเงินเข้าผิดบัญชี ขอให้เจ้าของบัญชีโอนเงินคืนให้ที่อีกบัญชีหนึ่ง หรือให้คืนเป็นเงินสดให้กับคนร้าย ทำให้เจ้าของบัญชีธนาคารที่ถูกหลอกนำบัญชีธนาคารไปใช้ในการกระทำความผิด อาจถูกกล่าวหาดำเนินคดีได้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน ถึงวิธีในการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนร้ายหลอกใช้บัญชี โดยหากพบว่ามีเงินไม่ทราบที่มาถูกโอนเข้ามายังบัญชีธนาคารของท่าน ให้ท่านไปที่สถานีตำรวจใกล้บ้านเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ว่ามีเงินไม่ทราบที่มาถูกโอนมาให้ท่านและท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินดังกล่าว และหากมีผู้มาติดต่อขอเงินคืนอ้างว่าโอนเงินผิดบัญชี ท่านจะต้องคืนเงินไปยังบัญชีธนาคารเดิมที่ทำการโอนมาเท่านั้น ห้ามโอนกลับไปให้บัญชีผู้อื่นโดยเด็ดขาด หรือ หากจะคืนเป็นเงินสดควรนัดหมายไปคืนที่สถานีตำรวจต่อหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายนำบัญชีธนาคารของท่านไปใช้ในการฉ้อโกงผู้อื่น และหากท่านได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกใช้บัญชีธนาคาร สามารถแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บุกทลายแก๊งคอลฯ เช่าตึกแถวกลางเมืองมุกดาหาร ยึดซิมบ็อกซ์ คนร้ายไหวตัวหนีทัน
ชุดปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เข้าตรวจค้นตึกแถวห้องหนึ่งบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่าที่ตึกห้องแถวบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร จ
'อนุทิน' นำ สตช. ตีปี๊บกวาดล้างสแกมเมอร์ 13 วัน จับกุม 7,004 คดี
“อนุทิน” นำ สตช.แถลง “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” กวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ 13 วัน จับกุม 7,004 คดี
นายกฯ ประกาศสงครามสแกมเมอร์ลั่นไม่ได้ทำตายตาไม่หลับ
'นายกฯ' เป็นประธานลงนาม MOU ผนึก 15 หน่วยงาน ประกาศสงครามสแกมเมอร์ ลบข้อครหาเป็นหนึ่งในขบวนการ ชี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร ลั่นถ้าไม่ได้ทำคงตายตาไม่หลับ
นายกฯ จ่อเป็นประธานลงนามเอ็มโอยูความร่วมมือ 14 หน่วยงานปราบ 'สแกมเมอร์'
โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ เตรียมเป็นประธานลงนามเอ็มโอยูความร่วมมือ 14 หน่วยงานปราบสแกมเมอร์ 6 พ.ย.นี้ ยัน เดินหน้าบูรณาการ ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
ไทยรุกหนัก! เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุม 'ปราบสแกมเมอร์' ร่วมมือในระดับนานาชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 (26th ASEAN - Republic of Korea Summit)
นายกฯ แถลงผลประชุมซูเปอร์บอร์ด 'ปราบสแกมเมอร์' งัดยาแรง ตัดเน็ต ถอนสัญชาติคนสีเทา
นายกฯ ถกลับ ปราบสแกมเมอร์ สั่งเก็บโทรศัพท์ผู้ร่วมประชุม อัดยาแรงถอนสัญชาติ คนถือ 2 สัญชาติที่เอี่ยว พร้อมตัดสัญญาณเน็ตทันทีไม่ต้องรอ ไม่สนชื่อนักการเมืองเอี่ยวเป็นใครฟันไม่เลี้ยง ท้า ‘ฝ่ายค้าน’มีข้อมูลเปิดชื่อมาเลย ด้าน “โฆษกรบ.” แจงขั้นตอน ตัดเน็ตสแกมเมอร์ ทำได้ทันที เหตุ สมช. เคยมีมติแล้ว เผย นายกฯสั่งพิจารณาถอนสัญชาติ คนสีเทา

