แม่ร้องสื่อ คดีไม่คืบ  ลูกโดนแกล้งราดเจลแอลกอฮอล์แล้วจุดไฟ หวิดโดนย่างสด

แม่พาลูกชายวัย 10 ปี ร้องสื่อหลังถูกเพื่อนใช้เจลแอลกฮอล์ล้างมือราดก่อนจุดไฟเผา เจ็บปวดทุรนทุราย ชี้เกือบ 2 เดือนเรื่องยังเงียบคดีไม่คืบหน้า มิหนำซ้ำตำรวจยังโยนให้ไปร้องเรียนกับสื่อเอาเอง

31 มี.ค.2567 – นางสาวสุทินา อิ่มโอษฐ อายุ 37 ปี ได้ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังจาก เด็กชายณัฐดนัย เหมเมือง อายุ 10 ปี ลูกชายโดนเพื่อนรุ่นพี่ วัย 15 ปี ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือราดบริเวณหน้าอกก่อนจุดไฟเผา จนเป็นแผลไฟไหม้ บริเวณหน้าอกและลำคอ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึก วันที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 01.00 น  ภายในกุฏิพระ วัดบางด้วนนอก ตำบลบางด้วน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

โดยที่ นางสาวสุทินา ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ในวันดังกล่าว ( วันที่ 5 มีนาคม 2567 ) ซึ่งเวลาผ่านมาเกือบ 1 เดือน คดีความยังไม่มีความคืบหน้า แถมยังถูกตอกหน้าว่าถ้าอยากให้เรื่องไวให้ไปร้องผ่านสื่อ ส่วนทางคู่กรณีนั้นหลังจากเกิดเหตุยังไม่เดินทางมารับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุอย่างถึงที่สุด

เธอระบุด้วยว่า ส่วนเหตุการณ์นั้น เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 18.00 น เด็กชายณัฐดนัย ( ลูกชาย ) ได้ไปช่วยพระหลวงพี่อั้มที่วัดบางด้วนนอก ซึ่งทางวัดนั้นมีงานประจำปีและได้อยู่ค้างที่วัดกับหลวงพี่อั้ม ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 19.30 น ตนเองได้ไปหา เด็กชายณัฐดนัย ( ลูกชาย ) ที่วัดจึงทราบว่า เด็กชายณัฐดนัย ( ลูกชาย ) ได้ถูกเพื่อนรุ่นพี่ อายุ 15 ปี ได้ใช้แอลกอฮอล์ราดที่ตัวแล้วจุดไฟจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ

 ขณะเด็กชายณัฐดนัย ระบุว่า วันเกิดเหตุ กำลังนอนกอดหมอนหลับอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีเด็กอายุ 14 เอาไฟมาจุดใส่หมอนที่ตนเองนอนกอดอยู่ และก็มีเด็กอายุ 15 อีกหนึ่งคนเอาเจลล้างมือแอลกอฮอล์มาบีบใส่ตนเองเพิ่มจนทำให้ไฟลามแรงขึ้นอีก หลังจากนั้นหลวงพี่ก็มาช่วยดับไฟ และ ก็ให้อยู่ที่วัดเพื่อรักษาแผลเป็นเวลา 2 วัน แล้วพี่ชายก็มาเจอ แม่จึงพาไปโรงพยาบาลและไปแจ้งความ ส่วนเด็กที่ก่อเหตุกับตนเองก็มีเพียงแค่เด็กอายุ 15 คน ที่จุดไฟใส่หมอนมาดู ซึ่งก็เคยพยายามทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ก็เหมือนจะเล่น ๆ กันแต่วันที่เกิดเหตุตนเองไม่รู้เรื่องเพราะกำลังหลับอยู่จึงไม่รู้ตัว

โดยทาง นางสาวสุทินา ระบุด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้ไปที่บ้านของเด็กที่ทำ ก็เลยได้คุยกัน เพราะตนเองจะเอาเรื่อง แต่ตอนนั้นตนเองได้สังเกตอาการลูกเห็นว่าไม่ดีแล้ว เจ็บปวดทุรนทุรายเพราะแผลมันติดเชื้อ มันหลายวัน เพราะหลวงพี่ที่รู้จักกัน เขาไม่ได้บอกเราตั้งแต่แรก ตนเองจึงพาลูกไปโรงพยาบาล พอเสร็จจากพาลูกไปหาหมอ ตนเองจึงมาแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ก็เหมือนจะไม่อยากรับเรื่องเพราะเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา เพราะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องของเด็กเล่นกัน

“ดิฉันจึงบอกไปว่าลูกเราไม่ได้เล่นด้วย ลูกเป็นฝ่ายถูกกระทำ แล้วสักพักก็มีตำรวจท่านหนึ่งบอกว่า ถ้ารีบก็ไปโพสในสื่อโซเชียลหรือไม่ก็ไปแจ้งเรื่องกับนักข่าวเอา ดิฉันก็แปลกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงพูดแบบนี้ ทำไมถึงไม่ช่วย ก็เลยเงียบไปสักพักแล้วจึงกลับมาบ้าน หลังจากนั้นจึงติดต่อขอความช่วยเหลือจากนักข่าว” นางสาวสุทินา ระบุ  

นางสาวสุทินา กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังเงียบอยู่ ส่งข้อมูลหลักฐานให้ทางไลน์ก็ไม่ตอบ ทางคนที่ทำลูกก็ไม่มีใครติดต่อกลับมาเงียบหายไปเลย ซึ่งระยะเวลาที่ถูกกระทำจนถึงวันนี้ก็เกือบจะ 2 เดือนแล้ว ทางเจ้าหน้าก็ยังเงียบอยู่ ทั้งครอบครัวของฝ่ายผู้กระทำก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาเลย เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

“วันนี้อยากเรียกร้องให้คนที่ทำออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำ  จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตนสงสารลูก เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ครั้งแรกดิฉันไม่ได้เอาเรื่อง เพราะว่าเป็นคนรู้จักกัน ครั้งแรกลูกก็โดนแบบนี้ แต่ผู้กระทำเป็นพระที่วัด เห็นว่าลูกก็ไปนอนที่วัดไปอยู่กับเขาบ่อย ก็เลยไม่อยากเอาเรื่องในครั้งแรก แต่พอรอบที่ 2 พระรูปนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ แทนที่จะโทรมาบอกบ้างแต่กลับไม่บอกเลย เหมือนช่วยปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ได้รู้  จากวันนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาดูเลยต้องจัดการเองทุกอย่าง ต้องเดือนร้อนตากับยายให้มาช่วยดูลูกเล็กให้ ตอนนี้ดิฉันเพียงอยากให้เจ้าหน้าที่รับแจ้งความ ให้ผู้กระทำมารับผิดชอบ”นางสาวสุทินา ระบุ  

นางสาวสุทินา ระบุด้วยว่า  เด็กที่ทำอายุเยอะกว่าลูกตนเอง และจ้องแต่จะแกล้งลูกตนมาตลอด มีคนมาเล่าให้ฟังว่าเด็กคนนี้แกล้งน้องสารพัด น้องก็ไม่เคยบอกเพราะทุกครั้งที่ถูกแกล้ง ก็จะรอให้แผลหายก่อนจึงกลับมาบ้าน เรื่องที่จุดไฟแบบนี้ก็เกิดกับลูกชายหลายรอบแล้ว เป็นเด็กคนเดิมที่ทำ แต่ลูกก็ดับไฟได้ก่อนทุกครั้ง เราก็ถามกับลูกว่าพระรู้ไหม ลูกก็บอกว่ารู้  วันที่ไปแจ้งความ ดิฉันได้เข้าไปพูดคุยกับพระรูปนั้น ว่าทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับตนเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นในกุฏิหลวงพี่ แต่อีกฝ่ายก็อ้างไปเรื่อย บอกว่ากลัวตนเองจะตีลูก ดิฉันหวังว่าเรื่องที่ตนเองร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนจะถึง พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ.