หนุ่มสกลนครเมา โดนบูลลี่กลางวงเหล้า คว้ามีดปาดคอเพื่อนชาวเมียนมาสาหัส

16 ส.ค. 2567 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สายัณต์ ภูพรรณา สารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายใช้อาวุธมีดปาดคอมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 39/8 หมู่ 3 ซอยเพชรหึงษ์ 14 ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและสายตรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยเพชรหึงษ์ 14 เข้าซอยประมาณ 200 เมตร ที่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวพบชาวบ้านยืนให้ความช่วยเหลือ นายจอ อายุ 34 ปี ชาวเมียนมา อาชีพคนงานก่อสร้าง ที่นั่งอยู่กับพื้น มีบาดแผลถูกของมีคมเข้าที่ลำคอขนาดใหญ่จนถึงหลอดลม เจ้าหน้าที่กู้ชีพเร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อทำการห้ามเลือด ก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาลบางจาก

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามเบื้องต้นทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกเพื่อนร่วมงานที่นั่งกินเหล้าด้วยกันภายในบ้านเลขที่ 9/14 หมู่ 3 ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านเช่าชั้นเดียว และผู้ก่อเหตุ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเข้าค้นบ้าน พบนายพูนทรัพย์ (หรือพูน) นนสะเกษ อายุ 33 ปี ชาวสกลนคร อยู่ภายในบ้านพัก และยังมีอาการเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองจึงได้เข้าควบคุมตัว และค้นหาอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ พบเป็นมีดทำครัวปลายแหลมด้ามสีดำ ยาวประมาณ 10 นิ้ว อยู่บริเวณบันไดทางเดินเข้าห้องบริเวณหน้าบ้าน ภายในบ้านยังพบเลือดจำนวนมากเต็มพื้นห้องตั้งแต่กลางบ้านจนถึงหน้าบ้าน และพบแก้วกับขวดสุรา ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว นายพูนทรัพย์ พร้อมของกลาง อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ มาสอบปากคำที่ สภ.พระประแดง

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทำงานด้วยกัน วันนี้ทั้งคู่ได้มานั่งดื่มสุรากันที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องพักของผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่ 09.00 น. ดื่มจนทั้งคู่มีอาการมึนเมา จากนั้นผู้ก่อเหตุได้อ้างว่า ถูกผู้ได้รับบาดเจ็บ ดูถูกและเหยียดหยามจนผู้ก่อเหตุทนไม่ไหว จึงได้ลุกขึ้นไปหยิบมีดมาปาดคอผู้ได้รับบาดเจ็บ

นางราตรี ไวประเสริฐ อายุ 56 ปี หัวหน้าคนงานก่อสร้าง เล่าว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นชาวเมียนมา ซึ่งมาจากจังหวัดชลบุรี มาขอทำงานก่อสร้างกับตนเองได้ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งนั่งกินเหล้ากับเพื่อนร่วมงานเพียง 2 คน ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันตนเองไม่รู้ โดยกินเหล้ากันแค่สองคนตั้งแต่ช่วงเช้า จนถึงช่วงเวลาเกิดเหตุ ซึ่งไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน กินกันตามปกติ ตนเองมาทราบเรื่องเนื่องจาก ผู้ได้รับบาดเจ็บวิ่งมาหา และขอความช่วยเหลือ โดยมีเลือดเต็มตัวบอกว่าถูกมีดปาดที่คอ

นายธีรภัทร พิศราจันทร์ อายุ 30 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุและผู้ได้รับบาดเจ็บนั่งคุยกันตามปกติ โดยกินเหล้ากัน 2 คน ตั้งแต่เช้า จนมาถึงช่วงเกิดเหตุ เวลาประมาณ 15.00 น. จากนั้นจึงทะเลาะกันภายในบ้าน ซึ่งตอนแรกตนเองคิดว่าแค่ล้อกันเล่นมีเสียงดัง คู่กรณีและผู้ได้รับบาดเจ็บได้ตีกันบริเวณด้านนอกและเข้าไปตีกันข้างในต่อ จากนั้นผู้ได้รับบาดเจ็บได้เดินออกมา โดยมีบาดแผลที่ลำคอขนาดใหญ่ มีเลือดไหลเต็ม จึงไปแจ้งญาติ ตนเองตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ด้านนายพูนทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ ว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง จากนั้นทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวคุมขังไว้ก่อน เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังมีอาการมึนเมาสุรา ไม่สามารถสอบสวนหรือสอบปากคำได้ ในเบื้องต้นน่าจะแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ต้องรอผลการรักษาของผู้ได้รับบาดเจ็บเสียก่อน แต่ถ้าหากผู้ได้รับบาดเจ็บถึงกับเสียชีวิต จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปธ.กมธ.มั่นคง แนะ กต. ถกชาติมหาอำนาจช่วยกดดัน 'ว้าแดง' ถอนทัพเขตแดนไทย

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม

'โรม' สับรัฐบาลอ่อน เมียนมายังไม่ปล่อยตัวลูกเรือไทย แนะต้องประท้วงให้เข้มแข็งกว่านี้

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม

'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด

'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย

จับ“ไทย”ชน“เมียนมา” เด้งเชือกรับมือเกมมหาอำนาจ

หลังจากที่กองกำลัง “ว้าแดง” ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวลือความตึงเครียดระหว่างทหารไทยกับว้าแดงบริเวณชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ “ข่าวลือ” ดังกล่าวเริ่มเบาเสียงลง