"วัชรินทร์" เผยขั้นตอน อัยการปราบทุจริตฯส่งฟ้อง "สมยศ-เนตร" กับพวกร่วมช่วยเหลือคดีบอส อยู่วิทยา 29 ส.ค.นี้ หลัง อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ยันอัยการไม่หนักใจเเม้เป็นกลุ่มผู้ต้องหาบิ๊กข้าราชการ
26 ส.ค.2567 - นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าในคดีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวกรวม 8 คน ตามมติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งมา ในกรณีเปลี่ยนแปลงสำนวนและลดความเร็วรถของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ที่ขับรถชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555
ตามที่ ป.ป.ช.มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด แจ้งมติที่ขอให้ดำเนินคดีอาญา ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7, นายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9, นายธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12, นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13, รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 ซึ่งอัยการสูงสุดได้พิจารณาและดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ภายหลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งรับดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567
ขั้นตอนเมื่อรับดำเนินคดีก็เท่ากับเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยช่วงเช้าวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คนจะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษกก่อนจะนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ย่านตลิ่งชัน
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า ทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาแตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นประเด็นแรกคือ การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ อีกส่วนคือการดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุดในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวทางป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา เมื่ออัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้อง อัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง ซึ่งคดีนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันจึงสิ้นสุดขั้นตอนของป.ป.ช. และเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องแล้วก็จะเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี
ซึ่งในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีพอสมควร เพราะจะใช้ระบบในการพิจารณาเป็นระบบไต่สวน โดยทางฝ่ายโจทก์ก็จะนำเสนอพยานเข้าสู่ศาล ในการสืบพยานไม่ว่าจะเป็น พยานบุคคล พยานเอกสารหรือพยานวัตถุส่วนทางจำเลยทั้งหมดก็มีสิทธิ์ต่อสู้ทางคดี ซึ่งการตัดสินว่าจำเลยทั้งหมดมีมีความผิดหรือไม่จะเป็นดุลยพินิจของศาล เบื้องต้นคาดว่ากระบวนการของศาลจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 1 ปี
นายวัชรินทร์ ยืนยันว่าแม้ผู้ถูกกล่าวหา ทั้ง 8 คนจะมีตำแหน่ง เป็นอดีตข้าราชการ แต่ สำนักงานอัยการสูงสุดไม่หนักใจในการทำงานเพราะผู้ปฏิบัติทุกคน ถูกฝึกฝนและสร้างมาให้ไม่หวั่นไหวในการทำคดี เพราะต้องมองว่าทุกคดีก็เหมือนคดีอาญาทั่วไปที่จะต้องค้นหาความจริง ทำความจริงให้ปรากฎและนำสืบให้ชัดเจนตามที่ได้รับผิดชอบตามแต่ละสำนวนคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผวา ‘พิรงรองเอฟเฟกต์’ ลาม
จุฬาฯ เปิดเวทีถก “พิรงรองเอฟเฟกต์” จวกยับกฎหมาย กสทช.ล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์ ไร้อำนาจคุม OTT ทีวีดิจิทัลทรุดหนัก อุตสาหกรรมสื่อส่อเค้าร่อแร่ อาจารย์นิติฯ ชี้คดีนี้อาจส่งผลไกล ต่อไป จนท.รัฐอาจลังเลใช้อำนาจ กลัวเสี่ยงถูกฟ้องร้อง
'นิเทศ จุฬาฯ' แถลงการณ์ย้ำจุดยืน จัดเสวนา 'พิรงรอง Effect'
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นฟ้อง ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
'ศิริกัญญา' หวั่นคดี 'พิรงรอง กสทช.' ทำกลไกตรวจสอบ-ถ่วงดุลสั่นสะเทือน
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษา ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต
'พิรงรอง' ระทึก! ลุ้นประกันตัว 'หลุด-ไม่หลุด' เก้าอี้ กสทช.
'พิรงรอง' ระทึกลุ้นประกันตัว หลังศาลลงดาบจำคุก 2 ปี กระทำผิด 157 เจ้าตัวบอกก่อนฟังคำพิพากษาทำตามหน้าที่ทำตามกระบวนการโดยสุจริต
ด่วน! ศาลจำคุกพิรงรอง 2 ปี กระทำผิดมาตรา 157
ศาลจำคุกพิรงรอง 2 ปี กระทำผิดมาตรา 157 กลั่นแกล้ง true ID ให้ได้รับความเสียหาย
เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. ตรวจทรัพย์สินอิ๊งค์ พบหนี้ตั๋ว 4,434 ล้าน ได้รับประโยชน์
เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. ตรวจหนี้ตั๋ว 4,434 ล้านบาทเศษ ของนายกฯ โดยไม่มีดอกเบี้ย เข้าข่ายเป็นประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน หรือไม่ เข้าข่ายเป็นการรับประโยขน์เกินสามพัน หรือไม่