27 ม.ค.2565 - ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ แซ่ตั้ง โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายชาญศักดิ์ ธนเตชา นักธุรกิจ จำเลย ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานพนักงานสอบสวนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
กรณีนายชาญศักดิ์ ให้ปากคำแก่คณะพนักงานสอบสวนคดีปลอมแปลงเอกสารสิทธิการโอนหุ้น และคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ขับรถออกจากสนามกอล์ฟ ในวันที่ 26 มิ.ย. 2558 บิดเบือนไป ซึ่งเป็นวันที่นายชูวงษ์ นั่งโดยสารรถมาด้วยกับ พ.ต.ท.บรรยิน แล้วเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต
โดยชั้นการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาจำคุก 2 เดือน โดยการรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลย อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุก เป็นการกักขังแทนมีกำหนด 1 เดือน
โดยโจทก์ร่วม และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจำเลย ได้ยื่นประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สรุปว่า ที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าไม่สมควรลดโทษแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 นั้น การลดโทษตามมาตรา 78 เป็นดุลพินิจของศาลที่จะต้องพิจารณาว่ามีเหตุสมควรลดให้หรือไม่ คดีนี้จำเลยรับสารภาพ และโจทก์กับโจทก์ร่วมมิได้สืบพยานจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าโจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานหลักฐานเป็นอย่างไร และจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานเช่นว่านั้น คำรับสารภาพย่อมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามมาตรา 78 สมควรลดโทษให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จำเลยจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์ในประการต่อไป โดยโจทก์ร่วมขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 โดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง และจำเลยขอให้รอการลงโทษจำคุก ลดโทษกักขังหรือเปลี่ยนโทษกักขังเป็นรอการกำหนดโทษจำคุกนั้น
ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย กับไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นและผลกระทบต่อความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมเพราะเป็นช่องทางให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนหรือลดโทษหรือรอการกำหนดโทษให้แก่จำเลย และแม้จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อนหรือมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่น ๆ ตามที่จำเลยอุทธรณ์ก็เป็นเหตุผลส่วนตัวไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นั่นหมายความว่าจำเลยจะต้องรับโทษจำคุก 1 เดือนตามคำพิพากษาที่ศาลชั้นต้นลงโทษ
โดยจำเลยยังใช้สิทธิยื่นฎีกาได้ ซึ่งจำเลยได้ประกันตัวไปในชั้นฎีกา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เทพไท' กระตุกครอบครัวชินวัตร ชี้คดีทักษิณไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ระบุว่า คดีทักษิณ:กรรมทำงาน หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมา2คดี
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ส่งตัว 'แส จิ้นเจียง' เจ้าพ่อชเวโก๊กโก เป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนดำเนินคดี
สำนักงานอัยการสูงสุดได้เผยเเพร่เอกสารข่าว ความคืบหน้าการขอส่งผู้ร้ายข้ามเเดน นายนายแส จี้นเจียง ความว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ส่งตัวนายแส จี้นเจียง หรือ SHE Zhijiang บุคคลสัญชาติจีนและกัมพูชา ผู้ถูกร้องขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีนในความผิดฐานเปิดบ่อนกาสิโน
จบข่าว! ศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
มติเอกฉันท์ 'ศาล รธน.' ชี้ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หลังศาลอุทธรณ์ ส่งคำโต้แย้ง 'แส จิ้นเจียง' ขอให้วินิจฉัย
คุกอีกคดี! ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยืนจำคุก 'สส.ลูกเกด' 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชุมนุมปราศรัยหมิ่นสถาบัน
ศาลอุทธรณ์ ภ.1 พิพากษายืนจำคุก 2 ปี ลูกเกด ชลธิชา สส.ปชน. ปทุมธานี ดูหมิ่นสถาบัน ไม่รอลงอาญา เเต่ให้ประกันสู้ฎีกาต่อ
ศาลอุทธรณ์ สั่งเพิ่มโทษจำคุก 5 จำเลย คดี นรต. กระโดดร่มไม่กาง เสียชีวิต
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 (ภาค 7) โจทก์ ยื่นฟ้อง จำเลยรวม 9 คน ในคดีหมายเลขดำที่ อท.17/2563 (คดีหมายเลขแดงที่ อท.11/2565 ) โดยระหว่างการพิจารณาคดี บิดามารดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ ช. และบิดามารดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ ณ. ได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมที่ 1 ถึงที่ 4
จำคุก 2 เดือน 'มารี เบิร์นเนอร์' เมาแล้วขับ หนุ่มคนสนิทโดนคุก 1 เดือน ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ศาลเเขวงพระนครเหนือ จำคุก "มารี" 2 เดือนรอลงอาญา 2 ปี พักใบขับขี่ 6 เดือน เมาเเล้วขับ ส่วน “บอส” โดนดูหมิ่นเจ้าพนักงานคุก 1 เดือนรอลงอาญา 1 ปี


