กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. บุกตรวจค้น 4 จุดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ยึดทรัพย์สินเกี่ยวข้องกับเครือข่ายธุรกิจ E-Money เถื่อน ที่ไม่ผ่านการอนุญาตจากหน่วยงานรัฐ มูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท สั่งฟ้องผู้ต้องหาหลายราย
1 มีนาคม 2568 - กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. ได้ทำการบุกตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยในเครือข่ายธุรกิจ E-Money เถื่อนที่มีการหมุนเวียนเงินมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยไม่มีการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย พ.ร.บ. ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560
การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและอาจทำให้ประชาชนที่หลงเชื่อได้รับความเสียหาย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการเข้าตรวจสอบบริษัทที่ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยพบว่ามีจำนวน 5 บริษัทที่ทำธุรกิจในลักษณะดังกล่าว ซึ่งมีการรับเงินจากประชาชนที่เติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบัญชีธนาคาร โดยไม่มีการตรวจสอบหรือการอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
การสืบสวนพบว่า เครือข่ายนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน แต่ยังอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายค้นจากศาลเพื่อตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยจำนวน 4 จุด ได้แก่ สำนักงานแห่งใหญ่ในจังหวัดนครปฐม , สถานีขนส่งสินค้าในจังหวัดสมุทรสาคร,สำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงเทพฯ, สถานีขนส่งสินค้าในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ
จากผลการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถยึดคอมพิวเตอร์ PC จำนวน 6 เครื่อง และทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้ พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหา 11 ราย ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยทั้ง 3 ผู้บริหารหลักถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการ E-Money ที่ใช้เป็นบริการที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือการทำธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเตือนให้ประชาชน ร้านค้า และสถานประกอบการ ตรวจสอบและใช้บริการ E-Money ที่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยควรศึกษาและตรวจสอบเงื่อนไขการใช้บริการให้ละเอียดก่อนทำธุรกรรมทางการเงินทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินจากการหลอกลวงและการซื้อขายที่ไม่ได้มาตรฐาน
หากพบข้อมูลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องได้ทันที.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตำรวจท่องเที่ยวบุกจับชาวรัสเซีย ลักลอบทำธุรกิจห้องพักเถื่อนบนเกาะพะงัน
ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจาก นายชัยนิมิต ชมอินทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.เกาะพะงัน ว่ามีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีชาวต่างชาติประกอบธุรกิจรถเช่า(จัดตั้งบริษัทในรูปลักษณะ นอมินี) โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงประสานผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบที่บ้านเป้าหมาย


