'นพดล' เฮ ชนะยกแรก คดียักยอกทรัพย์มรดกตระกูลธรรมวัฒนะ

"นพดล ธรรมวัฒนะ" เฮ ชนะยกเเรก คดียักยอกทรัพย์มรดกตลาดยิ่งเจริญ หลัง "คนึงนิตย์" สารภาพยอมชดใช้เงิน 820 ล้าน หลังนำพยานไต่สวนมูลฟ้อง 3 ปาก ด้าน "ณฤมล" สู้คดีต่อซักค้านพยานโจทก์นัดหน้า 7 ก.ค.

28 เมษายน 2568 - ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำอ.663/2568 ที่นายนพดล ธรรมวัฒนะ ในฐานะผู้จัดการมรดก นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่ และผู้รับมอบอำนาจจาก นางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางณฤมล ธรรมวัฒนะ และ น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 1 -2 ต่อศาลอาญาในข้อหาและฐานความผิดเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันยักยอกทรัพย์มรดก มูลค่า 1,641,197,970 บาท

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2568 โจทก์ยื่นฟ้องว่า เดิม นายนพดล นางมัลลิการ์ นางณฤมล และน.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน แต่ต่อมานางณฤมล ได้ยื่นขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม และศาลมีคำสั่งอนุญาตการจัดการมรดกของ นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ตาย (เจ้ามรดก) ซึ่งได้ระบุไว้ในพินัยกรรมถึงจำนวนทายาทที่มีสิทธิรับมรดก รายการทรัพย์ที่ระบุให้ทายาท รวมถึงวิธีการจัดการทรัพย์มรดก ซึ่งถูกระบุไว้ในพินัยกรรม และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็คือการจัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม ฉบับลงวันที่ 15 มี.ค. 2531 ระบุว่า “ข้อ 3.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง(ตลาดยิ่งเจริญ)รวมทั้งสองฝากฝั่งคลองถนน เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรม ให้ผู้จัดการมรดกโอนใส่ชื่อไว้ และจัดการปลูกสร้างดัดแปลงแล้วเก็บผลประโยชน์ไว้เป็นกองกลาง เพื่อแบ่งปันแก่ทายาทตามพินัยกรรม ข้อ 1 อันดับที่ 1-9

เมื่อถึงเวลาอันสมควร ให้ผู้จัดการมรดกจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด ชื่อว่า บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่า ตลาดยิ่งเจริญ เข้าเป็นทุนของบริษัท และให้ทายาทตามพินัยกรรม ข้อ 1 อันดับที่ 1-9 เป็นผู้ถือหุ้น ห้ามโอนทรัพย์สินให้บุคคลอื่นในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ของผู้ถือหุ้น ถ้าผู้ใดละเมิดข้อห้ามให้ตกเป็นของผู้ถือหุ้นที่ไม่ละเมิดข้อห้ามโอนตามส่วนเฉลี่ย เว้นแต่ผู้ถือหุ้นคนใดจะขายหุ้นจะต้องขายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นทายาทด้วยกันเท่านั้นในราคาตลาด แต่ถ้าหากว่าทายาทผู้ถือหุ้นไม่ยอมรับซื้อ โอนหุ้นให้บริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เป็นผู้รับซื้อหุ้นดังกล่าว

นายนพดล และนางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ตาย (เจ้ามรดก) ตรวจสอบพบว่า อดีตผู้จัดการมรดก คือนางณฤมล ธรรมวัฒนะ และผู้จัดการมรดก คือน.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งนางณฤมล นอกจากจะเป็นอดีตผู้จัดการมรดกของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (เจ้ามรดก) แล้วยังเป็นกรรมการ และเป็นผู้ถือหุ้น ของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด อีกด้วย

บุคคลทั้งสองร่วมกันยักยอกเอาที่ดินมรดกของนางสุวพีร์ (เจ้ามรดก) ซึ่งยกให้กับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เพื่อเป็นทุนของบริษัทฯ จำนวน 30 โฉนด ตามข้อกำหนดในพินัยกรรม แต่บุคคลทั้งสองได้บังอาจเบียดบังยักยอกทรัพย์มรดกของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ที่บุคคลทั้งสองมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เฉกเช่นเดียวกับทายาทคนอื่นๆ ซึ่งทายาททุกๆ คนต่างรู้ดีว่าเป็นเพียงผู้ครอบครองกรรมสิทธิแทนเท่านั้น

และทายาททุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องโอนที่ดินทั้ง 30 โฉนด คืนให้กับ บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัดตั้งแต่ปี 2546 และทายาทคนอื่น ๆ เช่น นายปริญญา ธรรมวัฒนะ นายวิกรม นายเอกธนัส ซึ่งเป็นทายาทนายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ ต่างก็โอนคืนให้แก่บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ด้วยกันทั้งหมด ยกเว้นจำเลยทั้งสองที่โอนขายให้แก่บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด และเบียดบังเอาเงินนั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของจำเลยทั้งสองเอง อันเป็นความผิดฐานผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์

ซึ่งนัดไต่สวนมูลฟ้องวันนี้ นายนพดล โจทก์และผู้รับมอบอำนาจจากนางมัลลิการ์ โจทก์ที่ 2 และทนายความมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยมีผู้รับมอบฉันทะจากทนายความ นางณฤมล จำเลยที่ 1 และทนายความ น.ส.คนึงนิตย์ จำเลยที่ 2 มาศาล

ต่อมาทนายความโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ จำเลยที่ 2 อ้างว่าได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 2 เพื่อขอเจรจาและยุติการดำเนินคดี โดยจำเลยที่ 2 รู้สึกเสียใจที่ทำให้กองมรดกเสียหาย และทำให้ทายาทและพี่ๆ น้องๆ ต้องเสียเปรียบยินดีชดใช้ค่าเสียหายส่วนหนึ่งตามคำฟ้อง เป็นเงินจำนวน 820,598,985 บาท สอบถามโจทก์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 แถลงมาเป็นความจริง จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2

ศาลพิเคราะห์แล้ว เมื่อโจทก์ถอนฟ้อง น.ส.คนึงนิตย์ จำเลยที่ 2 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 2 ย่อมระงับไปจึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2

ทนายความโจทก์ทั้งสองแถลงว่า วันนี้เตรียมทนายพร้อมสืบ 3 ปาก ศาลจึงอนุญาตให้โจทก์นำพยานเข้าเบิกความจนเสร็จสิ้น แล้วจึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้อง โดยให้ทนายความจำเลยที่ 1 ซักค้านพยานโจทก์ในวันที่ 7 ก.ค.2568 เวลา 10.00 น.

ภายหลังนายนพดล กล่าวว่า ทนายความจำเลยขอเลื่อนไต่สวน ระบุว่าติดว่าความที่ศาลอื่น แต่ศาลก็ได้ให้ดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไปเลย จนเสร็จสิ้นทั้ง 3 ปาก และจะให้ทนายความจำเลยมาซักค้านในนัดหน้า วันที่ 7 ก.ค.2568 นอกจากนี้มีความคืบหน้าทางคดี คือ น.ส.คนึงนิตย์ เมื่อได้รับคำฟ้องแล้วก็ทำบันทึกยอมรับสารภาพ แล้วยอมรับชดใช้เงินครึ่งหนึ่ง จำนวน 820 ล้านบาท ตนจึงถอนฟ้องให้น.ส.คนึงนิตย์ จำเลยที่ 2 สำหรับจำเลยที่ 1 ก็ได้แต่งตั้งทนายความสู้คดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นพดล' ฟ้องอาญาอีกคดี เอาผิดน้องสาว ลงเอกสารเท็จประชุมผู้ถือหุ้นตลาดยิ่งเจริญ

นายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.คนึงนิตย์ และนายแทนทอง ธรรมวัฒนะ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นตลาดยิ่งเจริญในนาม บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะจำกัด เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางณฤมล ธรรมวัฒนะ

ศึกสายเลือด! ‘ธรรมวัฒนะ’ ฟ้องรอบใหม่

ยังไม่จบ! ศึกพี่น้องตระกูลธรรมวัฒนะภาคใหม่ "นพดล" รับมอบอำนาจน้องสาว ยื่นฟ้องเพิกถอนการโอนหุ้น "บริษัท สุวพีร์ฯ" ให้ "นฤมล" ชี้เป็นนิติกรรมฉ้อฉล ทำเเผนบริหารตลาดยิ่งเจริญเสียหาย

ศึกชิงมรดกตระกูล 'ธรรมวัฒนะ' ยังไม่จบ 'นพดล' ยื่นฟ้องน้องสาวฝ่าฝืนพินัยกรรม

ศึกตระกูลธรรมวัฒนะภาคใหม่ ‘นพดล’ ยื่นฟ้องเเพ่ง ‘นฤมล’ขอหุ้นคืนเข้าบริษัท สุวพีร์ หลัง ฝ่าฝืนคำสั่งพินัยกรรม โอนให้บุคคลอื่นโดยมิชอบ ศาลแพ่งนัดชี้สองสถาน 25 พ.ย.67

ศาลฎีกา ยืนจำคุก 12 ปี อดีตผู้บริหารปิคนิคกับพวก คดียักยอกหุ้นเวิลด์แก๊ส

ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดี อ 1396/2557 แดง อ 1594/2562 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทย์ ยื่นฟ้องนายสุเทพ อัคควุฒิไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

กสส. แจงความคืบหน้าคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ ก.เกษตร

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด เมื่อปี 2565 มูลค่าความเสียหาย 637 ล้านบาท