รวบมือขวาบอสชาวจีน โยงบัญชีม้า-โกงลงทุนออนไลน์

ขอนแก่น จับสาว 26 ปี มือขวาคนสำคัญ “บอสจีน” คุมเงินสด–จัดหาบัญชีม้า ใช้ฟอกเงิน โยงคดีหลอกลงทุนผ่านเว็บออนไลน์ ความเสียหายสะสมกว่า 25 คดี มูลค่าเกิน 10 ล้านบาท

14 ก.ย.2568 – พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่  กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่นและชุดวิเคราะห์ ศปอส.ภ.จว.ขอนแก่น  ทำการจับกุม น.ส.มณฑาทิพย์ โอสวัสดิ์ อายุ 26 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่ 463/2568 ลงวันที่ 4 ก.ย. 68 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และเป็นผู้สนันสนุนใน ความผิดฐานร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดฯ  พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือและไอแพดรวม 5 เครื่อง

 ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น  กล่าวว่า  ภายหลังจากมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองมหาสารคามว่า ถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซนเตอร์ ได้ชักชวนให้ ผู้เสียหายลงทุนทำภารกิจสั่งซื้อสินค้าในระบบผ่าน www.depoponlinegroup.com จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหายจำนวน 2 บัญชี รวมมูลค่าความเสียหาย 1,252,372.71 บาท ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 4 จึงสั่งการให้ตำรวจภูธรทุกจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบตัวผู้กระทำความผิด คือ น.ส.มณฑาทิพย์  แต่อาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี เป็นบุคคลสำคัญใกล้ชิดและรับคำสั่งจากบอสชาวจีน มีหน้าที่จัดการเรื่องเงินสดและจัดหาบัญชีม้าให้กับขบวนการดังกล่าว โดยจะตระเวนกดเงินสดจากตู้กดเงินสดต่างๆทั่วทั้งภาคอีสาน และภาคตะวันออก ในหลายจังหวัดก่อนจะนำเงินมารวบรวมและจัดการแจกจ่ายให้กับเครือข่าย และจากการสืบสวนยังทราบว่า มีประชาชนแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวหา น.ส.มณฑาทิพย์  ว่ามีความเชื่อมโยงกับคดี อื่นๆในระบบมากกว่า 25 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล เพื่อจับกุมตัว น.ส.มณฑาทิพย์ โอสวัสดิ์ อายุ 26 ปี  มาดำเนินคดีตามกฏหมาย

“เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบจนพบว่า ผู้ต้องหา มีความเคลื่อนไหวที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี (บ้านเช่าเลขที่ 66/12 หมู่บ้านพฤกษ์ลดา การ์เด็น ต.คลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี)  จึงเดินทางไปตรวจสอบพบตัว น.ส.มณฑาทิพย์    จึงแสดงหมายจับ เข้าจับกุมตัว ในการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.มณฑาทิพย์ฯ ให้การว่าบ้านพักหลังดังกล่าว ได้เช่าไว้เป็นที่หลบซ่อนตัวและเป็นที่จัดการเรื่องเงินสด โดยได้รับการว่าจ้างจากชาวจีน ชื่อนายเกอ เก้อ อาศัยอยู่ที่แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ให้ทำหน้าที่จัดหาบัญชีและถอนเงินออกจากบัญชี โดยจะได้รับค่าตอบแทนบัญชีละ 20,000 บาท เมื่อทำการถอนเงินแล้วจะทำการฝากเข้าบัญชีธนาคารและบัญชีทรู มันนี่ วอลเลท ซึ่งนายเกอ เก้อ จะเป็นผู้แจ้งว่ากดเงินบัญชีไหน ฝากเข้าบัญชีไหน ผ่านทางแอพพลิเคชั่น WhatApp ชื่อบัญชี LOS”


ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า จากการปฏิบัติการดังกล่าวได้ตรวจยึดของกลาง และส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม รับตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนรวบพยานหลักฐาน ขยายผล สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดคนอื่นมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.


เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กต. ขอให้มั่นใจ 'สีหศักดิ์' ประชุมอาเซียน 22 ธ.ค.นี้ จะไม่มีอะไรมากดดันไทยให้เสียเปรียบ

กต. ย้ำไม่มีอะไรมากดดันไทยให้เสียเปรียบเวทีอาเซียน 22 ธ.ค.นี้ หลัง สหรัฐ-จีน แสดงท่าทีปะทะชายแดน ย้ำ กัมพูชา ต้องรับ 3 เงื่อนไข "สีหศักดิ์" ยกคณะไปมาเลเซีย 21 ธ.ค.นี้

นายกฯ ทุบโต๊ะ! ประเทศมหาอำนาจกดดันไทยหยุดยิงไม่ได้ ต้องไปบอกฝ่ายกัมพูชา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนชนจีน ได้คุยโทรศัพท์กับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

'หลิว จงอี้' พบกองทัพบก จีนชี้รัฐบาลกัมพูชาเอี่ยวขบวนการ 'สแกมเมอร์' หลายมิติ

หลิว จงอี้ ร่วมหารือกองทัพบก ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไซเบอร์สแกม เผยรัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ

'ลุงสุทิน' ยก 'ทูตพิเศษจีน' คือของจริงที่หยุดลมหายใจเขมรได้ ส่วน 'อันวาร์' คนเดินสารให้สหรัฐฯ จบเห่แล้ว

ตามที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า ทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศจีนจะเดินทางไปกัมพูชาและไทยอีกครั้งในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ เพื่อไกล่เกลี่ยการปะทะบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย