ตำรวจจับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ข้ามชาติ 2 เครือข่าย หลังแรงงานไทยถูกหลอกไปทำงานในเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา บงคับให้เหยื่อเป็นคลอเซนเตอร์ โรแมนซสแกม โทรศัพท์กลับมาหลอกหลวงคนไทย
22 ต.ค.2564 - ที่ สน.ทุ่งสองห้องพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. , พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อม NGO พนังงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ แถลงการจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์2คดี
คดีแรกเจ้าหน้าที่จับกุม น.ส.อุบลรัตน์ พุฒไพรสกุล อายุ22ปี และ น.ส.เทียนฟ่ง แซ่หลี่ สัญชาติจีน ผู้ต้อหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ,ร่วมกันค้ามนุษย์,ร่วมกันหางานให้คนทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนโดยสามารถจับกุมได้ที่ อ.ฝาง และ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่21 ต.ค 64 ที่ผ่านมา ก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน ปคม. ดำเนินคดี
พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ได้มีแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานในเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา ได้ร้องขอความช่วยเหลือกับสื่อผ่านทางออนไลน พร้อมร้องขอให้ทางการไทยช่วยเหลือและรับตัวกลับประเทศ ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการช่วยเหลือเหยื่อ พร้อมทั้งให้ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จนในที่สุด ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 10รายประกอบด้วยชาวจีน4ราย กัมพูชา4ราย และคนไทย 2ราย
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง2 ราย จะหน้าหน้าที่ในการหาเหยื่อ ชักชวน ประสานการเดินทาง โดยจะมีการโพสต์รับสมัครงาน หาคนไปทำงานต่างประเทศโดยเน้นไปที่เหยื่อที่สามารถพูดได้หลายภาษา อ้างว่าจะให้ไปทำงานร้านอาหาร หรือธุรกิจ ต่างๆ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะประสานทำหนังสือเดินทางจนไปถึงประเทศปลายทางทางขบวนการค้ามนุษย์จะทำการบังคับ ขู่เข็น กักขัง ให้เหยื่อเป็นคลอเซนเตอร์ โรแมนซสแกม เพื่อโทรศัพท์กลับมากลอกหลวงคนไทย โดยอ้างว่าเหยื่อติดหนี้ที่ใช้ในการดำเนินการและการเดินทาง จนเหยื่อทนไม่ได้อาศัยหาช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือจากโลกโซเชียล จนได้รับการช่วยเหลือในที่สุด
"ในเบื้องพบมีเหยื่อทั้งหมด15-20ราย บางรายไปถูกกักขัง4-5เดือน ตอนที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือพบว่าเหยื่อหน้าสงสารมาก เพราะความเป็นอยู่ลำบาก และค่อนข้างแออัด ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะติดตาม ประสานติดตามตัวผู้ต้องหาอีก8รายมาดำเนินคดี นอกจากนี้จะทำการประสาน ปปง.เรื่องของการยึดทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินอีกด้วย"
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงคดีที่2ว่า เจ้าหน้าที่ ศพดส.ตร สามารถสืบสวนและจับกุมนายเจ๊ะปา ลาปีดี อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาลักลอบแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในประเทศมาเลเซีย และหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้าที่ทางการมาเลเซียได้ทำการสืบสวนขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศจนทราบว่าให้ขบวนการมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาคนไทย9 ราย ซึ่งภายหลังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง9รายได้เดินทางหลบหนีเข้าประเทศไทย จึงได้ร้องขอให้ทางการไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้กระทำความผิดตั้งแต่ปี2558 และถูกศาลกางาร์ ประเทศมาเลเซียออกหมายจับในปี 2559 ซึ่งนายเจ๊ะปา ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ และอาจจะเป็นหัวหน้าในขบวนการฝั่งไทยที่ทำหน้าที่ในการประสานงานทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง นอกจากนี้ยังพบว่า มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายแรงงานชาวโรฮิงญา มาควบคุมไว้ที่ที่พักชั่วคราวในเขตวังเกลียน รีฐเปิร์ลิส ซึ่งระหว่างที่แรงงานถูกขังก็ถูกทารุณกรรมโดยการเฆียนตีจนเสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการมาเลเซียมีการตรวจพบหลุมศพกว่า30หลุม ใกล้บริเวณที่พักผิดกฎหมาย
ส่วนผู้ต้องหารายนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับคดีการค้ามนุษย์ของพล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก เมื่อปี2558 จะมีความเชื่อกันหรือไม่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าคดีมีความคล้ายคลึกกัน และพื้นที่เกิดเหตุค่อนข้างใกล้เคียงกันก็จริง แต่ในรายละเอียดต้องการสืบสวน สอบสวนที่ชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้รวมขบวนการทางเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดีจึงอยากให้เข้ามามอบตัวจะเป็นการดีกว่าไม่เช่นนั้นจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอิเหนาร่วมมือปราบสแกมเมอร์
นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือเหยื่อสแกมเมอร์ชาวอินโดนีเซียกลับประเทศ พร้อมเดินหน้าร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและต่อต้านลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
'ประเสริฐ' แจง 'MOUดีอี-บ.สิงคโปร์' หน่วยงานกลั่นกรองตามขั้นตอน ย้ำไม่รู้จัก 'เบน สมิธ'
'ประเสริฐ' แจงตรวจสอบ ‘MOU ดีอี-บ.สิงคโปร์ Prime Opportunity Fund’ แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลั่นกรองตามขั้นตอนโดยละเอียด ทั้งกระทรวงดีอี-กระทรวงการต่างประเทศ-กฤษฎีกา-อัยการสูงสุด’ มั่นใจไร้สิทธิพิเศษและไม่เปิดช่องเอื้อประโยชน์ใคร ชี้เนื้อหาระบุ ‘ทุกอย่างต้องเป็นไปภายใต้กฎหมายไทย-สิ่งใดไม่มีกฎหมายรองรับจะกระทำไม่ได้ ย้ำไม่รู้จัก ‘เบน สมิท’ เป็นการส่วนตัว ร่วมเฟลมถ่ายรูปเพราะได้รับเชิญเป็นสักขีพยานเท่านั้น
นายกฯ นำแถลงผลปฏิบัติการยุทธการตัดหมอกเวียงแหง
'นายกฯ อนุทิน' นำแถลงผลปฏิบัติการ'ยุทธการตัดหมอกเวียงแหง' และ 'ยุทธการสกัดยานรก' ย้ำไม่ปกป้องคนผิด ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งหรือสถานะใดก็ตาม พร้อมเดินหน้าล้างบางสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบให้สิ้นซาก
'ปชป.' เปิดแคมเปญ 'เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา' ตามบี้แก๊งข้ามชาติฟอกเงินโยง 'อดีต รมช.'
'ปชป.' เปิดแคมเปญ ''เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา' เผยปมอาชญากรรมข้ามชาติฟอกเงินโยง 'อดีต รมช.' เดินหน้ารวมข้อมูลส่ง 'หัวหน้าพรรค' ยื่น 'ปปง.-กลต.-DSI' สอบต่อ ยืนยันทำการเมืองสุจริต เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้หวังโจมตีการเมือง
ขอหมายแดง 'ตำรวจสากล' ล่าตัว 'ลี ยงพัด' สว.กัมพูชา ฟอกเงินแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ
พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, แถลงตํารวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย "ลี ยงพัด" องค์กรอาชญากรรมฟอกเงินข้ามชาติ
โฆษกเพื่อไทย โชว์ผลงานอดีตรัฐบาลปราบสแกมเมอร์ จี้พรรคส้มร่วมมือซักฟอก
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยละเลยการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พรรคการเมืองอื่นไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีความรับผิดชอบสูงสุดและเป็นผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีมาทำหน้าที่ ซึ่งล่าสุดรัฐมนตรีหนึ่งรายต้องลาออกเพราะกรณีเกี่ยวข้องกับพิษสแกมเมอร์

