ปฏิรูปที่ดินนครพนม นำทีมกฎหมายจับนายทุนลอบขุดดิน สปก. สร้างทางหลวง

ปฏิรูปที่ดินนครพนม นำทีมกฎหมายจับนายทุนโกงชาติ ลอบขุดดิน สปก.สร้างทางหลวง อ้างชื่อนักการเมืองหนุน เตรียมแจ้งข้อหาหนักเอาผิดฐานลักทรัพย์แผ่นดิน

21 เมษายน 2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีชาวบ้านในพื้นที่ บ้านคำเตย หมู่ 12 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ร้องเรียนกรณีมีกลุ่มนายทุนผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างถนนทางหลวง กรมทางหลวง มีการลักลอบขุดดินลูกรังในพื้นที่ สปก. โดยผิดกฎหมาย เพื่อนำไปดำเนินการก่อสร้างโครงการ ขยายทางหลวงหมายเลข 2032 สายบ้านท่าดอกแก้ว – อ.ศรีสงคราม รวมระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้างกว่า 900 ล้านบาท กำหนดสัญญาจ้าง ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 สิ้นสุดสัญญาจ้างเดือนสิงหาคม 2567 โดยชาวบ้านระบุว่ามีการนำดินไปถมที่ดินช่วงขยายเส้นทางการจราจร ซึ่งผู้รับเหมาฉวยโอกาสลักลอบขุดดินในพื้นที่ สปก.นานหลายสัปดาห์ เนื่องจากมีการซื้อขายกับชาวบ้านผู้ครอบครองสิทธิ์ในราคาต้นทุนต่ำ และมีระยะทางใกล้ในการบรรทุกขนส่ง เป็นการลดต้นทุนหวังโกยกำไรอื้อซ่า

ทั้งนี้ชาวบ้านเคยร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนมมานานนับเดือน แต่ยังไม่มีการตรวจสอบแก้ไข อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องรถบรรทุกสร้างมลพิษทางอากาศ ฝุ่นคลุ้งกระจายตามหมู่บ้านเส้นทางรถบรรทุกผ่าน กระทั่งมีการร้องเรียนไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครพนม เพื่อนำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เร่งรัดดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน นายชัชวาล ทรัพย์แก้วยอด ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่สำรวจ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ พบมีการนำเครื่องจักร รถแบคโฮ จำนวน 3 คัน รถบรรทุก 10 ล้อ จำนวนกว่า 10 คัน ลักลอบขุดหน้าดินออกจากพื้นที่ สปก. จำนวน 2 แปลง ซึ่งที่ดิน สปก.รัฐมีการจัดสรรให้ชาวบ้านทำกิน เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินท้ายหมู่บ้านคำเตย หมู่ 12 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อประมาณปี 2544 รวมเนื้อที่ประมาณกว่า 30 ไร่ มีบางส่วนถูกแผ้วถางป่าไม้ออกเป็นพื้นที่โล่ง เพื่อเตรียมขุดหน้าดิน

และบางส่วนมีการขุดหน้าดินออกไปถมโครงการก่อสร้างดังกล่าว คาดว่า มีการขุดออกไปแล้วไม่ต่ำกว่าหลาย 10,000 คิวดิน คิดเป็นเงินมูลค่าไม่ต่ำกว่าล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน เพื่อหาผู้กระทำผิด ดำเนินคดีตามกฎหมายฐานความผิดเบื้องต้น ลักทรัพย์แผ่นดิน พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอุเทน และฝ่ายปกครอง ทั้งจะเรียกชาวบ้านผู้ถือครองสิทธิ์มาตรวจสอบ ดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เนื่องจากในพื้นที่เกิดเหตุ มีเพียงบุคคลที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้รับจ้าง ส่วนนายหน้าคนดูแล ระบุว่าเป็นนักการเมืองอดีต นายก อบต.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และกล่าวอ้างว่า มีเอกสารสิทธิ์ นส.3 แต่ไม่มีเอกสารมายืนยัน นอกจากนี้กลุ่มผู้รับจ้างยังอ้างว่ามีนักการเมืองชื่อดังอยู่เบื้องหลัง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานเร่งเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

นายชัชวาล ทรัพย์แก้วยอด ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครพนม ระบุว่า เกี่ยวกับพื้นที่ สปก.ถือว่าเป็นพื้นที่จัดสรรให้ประชาชน เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถจะซื้อขาย หรือมีการขุดขนดินออกไปขายไม่ได้ ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ถือว่าลักทรัพย์แผ่นดิน ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนเจ้าของผู้ทำประโยชน์ด้วย ส่วนการดำเนินการ จะต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานหาตัวผู้กระทำผิด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี สามารถดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญา ซึ่งจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฉเส้นทาง 'โจรกรรมรถ' ข้ามชาติ เชื่อคนของรัฐมีเอี่ยว

กองบังคับการกองร้อยทหารราบ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พล.ต.นรธิป โพยนอก ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี มอบหมายให้ ร.อ.กิตติกร จันทร์หอม นายทหารฝ่ายยุทธการ กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำ

รวบโจรแสบเลียนแบบหนัง ตระเวนลักทรัพย์ เคยถูกดำเนินคดีหลายครั้ง

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนเร่งล่าตัวคนร้ายที่ไปตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชน สร้างความเสียหายและความเดือนร้อนให้กับผู้เสียหาย

พายุลูกเห็บถล่มนครพนม บ้านพังยับเกือบ 20 หลัง ขาวโพลนเหมือนหิมะ

จ.นครพนม มีสภาพแปรปรวนอุณหภูมิร้อนจัดสูงเกือบ 40 องศาเซลเซียส และร้อนต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดพายุฝนฤดูร้อนถล่มในหลายอำเภอ

รวบยกแก๊งโจ๋เถื่อน ปาระเบิดถล่มคู่อริดับคาถนน หัวโจกสารภาพล้างแค้นโชว์เก๋า

คืบหน้า คดีแก๊งวัยรุ่นปาระเบิดปิงปองถล่มคู่อริ บริเวณถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 22 สายสกลนคร-นครพนม ซึ่งเป็นถนน 4 เลนฝั่งขาเข้าเมืองนครพนม บ้านโชคอำนวย หมู่ 5 ต.วังตามัว อ.เมือง

ศาลฎีกา ยืนจำคุก 12 ปี ลูกสาว 'อาม่าฮวย' ลักทรัพย์แม่ขณะป่วย 24 ล้าน

ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่นางฮวย ศรีวิรัตน์ หรือ "อาม่าฮวย" อายุ 86 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาว อายุ 57 ปี จำเลยในข้อหาลักทรัพย์ กรณีแอบถอนเงินในบัญชีของนางฮวยกว่า 24 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ขณะที่ นางฮวย นอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาล เหตุเกิดเมื่อปี 2560