เรือผลักดันน้ำเดินทาง! ทัพเรือจัด 20 ลำ ลงพื้นระยอง

11 ก.ย.2556 – พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เป็นประธาน ในพิธีส่งขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 20 ลำ เดินทางจากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ไปทำการผลักดันน้ำที่จังหวัดระยอง

ทั้งนี้ จังหวัดระยอง โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอแกลง ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนำมาซึ่งความเดือดร้อนของประชาชนเป็นจำนวนมาก การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมทั้งจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแกลง ยังคงมีระดับสูงและมีแนวโน้มที่สถานการณ์จะยังคงส่งผลกระทบแก่พี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำประแสร์ให้ไหลออกสู่ท้องทะเลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

พลเรือโท ปกครอง ระบุว่า  พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ  มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย จึงได้ สั่งการอย่างเร่งด่วนให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เตรียมเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือให้มีความพร้อม ตลอดจนลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 20 ลำ พร้อมกำลังพล ไปยังจังหวัดระยองตามที่ได้รับการร้องขอจากทางจังหวัด

“ โดยเรือผลักดันน้ำทั้ง 20 ลำ ได้ลำเลียงออกจากอู่ทหารเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ และคาดว่าจะเดินทางถึงจังหวัดระยองในวันช่วงบ่ายวันนี้ โดยจะดำเนินการติดตั้งที่บริเวณสะพานทะเลน้อย – ท่ากะพัก ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง ทั้งนี้ตัวสะพานมีความยาวประมาณ 170 เมตร ใช้ข้ามแม่น้ำประแสร์ อยู่ห่างจาก อ.แกลง ประมาณ 9 กิโลเมตร” พลเรือโท ปกครอง ระบุ

พลเรือโท ปกครอง ระบุด้วยว่า ทั้งนี้ กองทัพเรือ ยังคงเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่องโดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้ กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในปี 2554

ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วันขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

น้ำลด ถนนอันซีนโผล่ จุดเช็กอินริมโขงนครพนมกลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจมน้ำนานสัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดลงวันละ 20-30 เซนติเมตร ล่าสุดช่วงเวลา 17.00 น. อยู่ที่ 11.50 เมตร ห่างจากจุดเตือนภัยเฝ้าระวัง 50 เซนติเมตร คือที่ 12 เมตร

'ช่อง 8' รวมพลปันน้ำใจ ฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม

กลายเป็นสถานการณ์วิกฤตระดับประเทศสำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย จนทำให้ประชาชน บ้านเรือน และที่ทำมาหากินได้รับความเสียหาย โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โครงการ ช่อง 8 ปันน้ำใจ ได้ส่งตัวแทน โจ-ธีระ ธัญญอนันต์ผล บรรณาธิการบริหารสายงานข่าวและผู้ประกาศข่าว นำทีมผู้ประกาศข่าวและนักแสดงสังกัดช่อง 8 ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 13 'พายุซูลิก' เข้าไทยแล้ว ศูนย์กลางอยู่นครพนม

นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 13 โดยมีใจความว่า

'พายุซูลิก' ถล่มมุกดาหาร ฝนกระหน่ำ 10 ชม. น้ำท่วมหลายพื้นที่

เกิดฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 19 ก.ย. จนถึงช่วงเช้า 20 ก.ย. นานนับ 10 ชั่วโมง โดยมีฝนตกหนักในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองมุกดาหารหลายแห่ง