3 พ.ย.2565 - เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา อาสาสมัครกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือ จ.ตราด ได้รับแจ้งประสานจากห้องวิทยุสื่อสาร สภ.เมืองตราดให้ตรวจสอบมีอุบัติเหตุที่ถนนสายรอบอ่างน้ำสระสีเสียด (อ่างเก็บน้ำเขาระกำตอนล่าง) หน้าร้านเดอะชิลล์ ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด จึงนำกำลังอาสาสมัครออกตรวจสอบ พบมีรถยนต์กระบะสีขาว ยี่ห้อนิสสัน นาวารา ทะเบียนกรุงเทพฯ จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าขวาเสียหายเพราะชนกับราวกั้น โดยคนขับคือนายยุโรป อายุ 31 ปี อยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้มีผู้บาดเจ็บมีเพียงของหลวงเสียหายเท่านั้น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ นายยุโรปได้นำใบขับขี่มาให้และบอกว่า ยอมรับว่าเมา
ระหว่างยืนรอร้อยเวรมายังที่เกิดเหตุ มีนักข่าวท้องถิ่นได้เข้ามาทำข่าวและถ่ายภาพผู้ก่อเหตุอยู่ เมื่อนายยุโรปเห็นนักข่าวยกกล้องถ่ายภาพอยู่ ได้ยกมือชี้หน้าและตะโกนว่า ถ่ายขออนุญาตหรือยัง พร้อมตะโกนยังบอกว่า ถ้าถ่ายกูฟ้อง
นักข่าวคนดังกล่าวก็เอ่ยปากว่า ขออนุญาตถ่ายนะครับ แล้วก็ถ่ายต่อ แต่นายยุโรปไม่พอใจเดินปรี่เข้าใส่ นักข่าวท้องถิ่นก็เดินหนี นายยุโรปก็ยังเดินไล่หาเรื่อง อาสาสมัครกู้ภัย และผู้สื่อข่าวผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็เข้าห้ามและกันไม่ให้เข้าร้ายร้ายผู้สื่อข่าวท้องถิ่น แต่นายยุโรปไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น เดินปรี่เข้าหา แม้จะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดพยายามห้ามปราม รวมทั้งตำรวจก็ห้ามแต่ไม่ฟังใคร รวมทั้งผู้สื่อข่าวอีกรายหนึ่ง ได้นำผู้สื่อข่าวที่จะถูกทำร้ายไปอีกที่ให้ห่างจากผู้ก่อเหตุ
เหตุการณ์ใกล้จะยุติ ก็มีเหตุเกิดต่อเนื่องอีก เมื่อมีวัยรุ่นเสื้อลายมาเห็นเหตุการณ์และตะโกนถามว่า ไปทำพี่นักข่าวทำไม? นายยุโรปหันไปที่วัยรุ่นคนดังกล่าวทันที ซึ่งอยู่ระหว่างถ่ายภาพอยู่ โดยยืนอยู่บริเวณทางปั่นจักรยาน ก็ตะโกนด่าชี้หน้าใครอนุญาตให้ถ่าย พร้อมปีนข้ามราวกั้นเข้าไปชี้หน้าด่าเด็กวัยรุ่นจนเกือบจะมีเรื่องบานปลาย วัยรุ่นเสื้อลายเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ เเละมีเพื่อนของวัยรุ่นเสื้อลายมาสมทบอีก 3-4 ราย
ต่อมานายยุโรป ด่ากราดลามไปถึงพ่อแม่ของวัยรุ่นคนดังกล่าว ทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจกรูเข้ามาจะทำร้าย แต่ตำรวจและกู้ภัยได้ควบคุมตัวนายยุโรป ขึ้นรถยนต์สายตรวจ นำไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่จุดสกัดหน้าวัดโยธานิมิต ในพื้นที่เทศบาลเมืองตราด ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุ 500 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการควบคุมตัวนายยุโรป ซึ่งวัดได้ 138 มิลลิกรัม ซึ่งเกินกฎหมายกำหนด
ร.ต.ท.เลิศศักดิ์ รัตนพิทักษ์ ร้อยเวรเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และสอบสวนนายยุโรป ซึ่งนายยุโรปยังมีอาการเมาและตะโกนเสียงดังไปทั้งโรงพัก และร้อยเวรได้นำตัวเข้าไปคุมขังให้ห้องขัง แต่ก็ยังทะเลาะกับตำรวจที่อยู่เวรอีก
ล่าสุด บิดาผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่ถูกนายยุโรปจะทำร้ายได้เดินทางมาพบร้อยเวร สภ.เมืองตราด และได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายยุโรป แต่ร้อยเวรได้รับแจ้งไว้ก่อนในเบื้องต้นก่อน เนื่องจากยังไม่มีการทำร้ายแต่ประการใด เพียงแต่วิ่งไล่จะทำร้ายเท่านั้น แต่จะปรึกษาอัยการตราดก่อนว่า จะดำเนินคดีอย่างไรต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทัพเรือเคลียร์พื้นที่บ้าน 3 หลังผงะพบทุ่นระเบิดดัดแปลงอื้อ
ทร.ปูพรมค้นพื้นที่บ้าน 3 หลัง จ.ตราด พบคลังทุ่นระเบิดดัดแปลง 16 ลูก และบริเวณโดยรอบอีกหลายลูก ชี้ จงใจสร้างอันตรายแบบไม่ระบุเป้าหมาย
ใช้กฎอัยการศึกคุมตัวครอบครัวกัมพูชาในตราด มีลูกเขยเป็นผู้พัน ตชด. พบพิรุธหลายจุด
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาญาจักร จังหวัดตราด (กอ.รมน.จว.ตราด) พร้อมตำรวจภูธรเมืองตราด ปลุกเข้าจับกุมครอบครัวชาวกัมพูชา ในพื้นที่บ้านแหลมหิน ตำบลหนองคันทรง อำเภอเมือง จังหวัดตราด
จยย. 2 กลุ่ม ชนสนั่น! กลางถนนสุวรรณภูมิ ดับ 2 เจ็บอีก 3
เมื่อเวลา 01.00 น. ศูนย์กู้ชีพปราการรับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุหมู่รถชนกันหลายคันและมีผู้บาดเจ็บหลายรายอาการสาหัส และมีเพลิงลุกไหม้รถคันเกิดเหตุ เหตุเกิดบนถนนเลียบรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ สาย 3
'ตราด' อพยพชาวบ้านยกตำบล 4 แห่งหลังการข่าวพบเขมรเสริมอาวุธหนัก!
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดตราดตึงเครียด พบกระสุนระเบิดตกฝั่งไทย 8 ลูก ฝ่ายความมั่นคงสั่งอพยพประชาชน 4 ตำบลชายแดน 100% หลังการข่าวพบฝ่ายตรงข้ามเสริมกำลังและอาวุธหนัก
ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา
เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก
หนุ่มซิ่ง จยย. โชว์ยกล้อ ชนประสานงา จยย. อีกคน ดับ 1 เจ็บสาหัส 1
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนประสานงากัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถนนท้ายบ้าน บริเวณปากซอยราฟาแอล 10 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสมุทรปราการ และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางไปตรวจสอบ

