วอนเคารพสิทธิการพัฒนาของคนใต้ ยุติโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น ภาคประชาชนด้ามขวานยื่นหนังสือถึง "บิ๊กตู่" รับประชุม ครม.สัญจร จ.กระบี่
15 พ.ย.2564 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดกระบี่ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบรรดารัฐมนตรีต่างลงพื้นที่ ขณะเดียวกันที่บริเวณสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กระบี่ ประชาชนภาคใต้กลุ่มต่าง อาทิ สภาประชาชนภาคใต้ เครือข่ายประชาชนภาคใต้ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ
ทั้งนี้ในหนังสือฉบับแรกที่ส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องขอให้เคารพสิทธิการพัฒนาของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เรื่อง โดยระบุว่าการพัฒนาใดๆที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมสำคัญในการรับรู้และกำหนดทิศทางหรือรูปแบบการพัฒนานั้นด้วย บนพื้นฐานของสิทธิการพัฒนาบนฐานศักยภาพของภาคใต้ และต้องคำนึงถึงความมั่นคงยั่งยืนของฐานทรัพยากร สังคมวิถีวัฒนธรรม และมีข้อเสนอประกอบด้วย 1.รัฐบาลต้องยอมรับ “สิทธิและการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาประเทศ” ของประชาชน ที่ไม่ใช่แค่ผู้รอการพัฒนาที่รัฐหยิบยื่นให้เท่านั้น แต่ประชาชนต้องมีสิทธิและมีส่วนร่วมในการพัฒนาในทุกระดับ
2.รัฐบาลต้องปฏิรูปกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้เป็นองค์กรที่มีความก้าวหน้าทันสมัย เพื่อสร้างสังคมแนวใหม่ให้ปรากกฎ มิใช่มุ่งแค่การทำงานเชิงสงเคราะห์ จนลืมหลักการในการการพัฒนาสังคมที่ต้องสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ที่จะต้องมีความเข้มแข็งและสามารถจัดการแก้ไขปัญหาของตนเองได้
3.รัฐบาลต้องส่งเสริมและสร้างกลไกให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมสำคัญในการจัดการและออกแบบการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ช่วงที่ผ่านมาในทุกมิติ โดยเฉพาะการฟื้นฟูด้านอาชีพ เศรษฐกิจชุมชน และการเข้าถึงแหล่งผลิตอาหารในท้องถิ่น โดยต้องปรับระบบงบประมาณและกองทุนเงินกู้ให้สอดคล้องตามแนวทาง
4.รัฐบาลต้องเร่งทบทวนโครงการต่างๆที่กำลังส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ อย่างเช่น โครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลภาคใต้ ,โครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ,โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.รัฐบาลต้องสร้างกลไกร่วมระหว่างภาครัฐ(ฝ่ายการเมืองและข้าราชการ) กับภาคประชาชน และภาคีพัฒนาอื่นๆ ในระดับภาค เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาและแก้ปัญหาเชิงรุก โดยให้นำสาระสำคัญของข้อเสนอเบื้องต้นทั้งหมดไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม
ส่วนหนังสืออีก 1 ฉบับเป็นเรื่องข้อเสนอของภาคประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน โดยมีเนื้อหาระบุว่า จากสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งทะเลในประเทศไทยที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง สาเหตุหลักมาจากการแทรกแซงกระบวนการทางธรรมชาติของหาดทราย ด้วยโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล และ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่ไม่คำนึงถึงระบบธรรมชาติของทะเล ส่งผลให้หาดทรายเกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาแล้ว ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่กล่าวมานั้น มีต้นตอของปัญหาจากการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยมีปัญหาเชิงนโยบายที่เห็นได้อย่างประจักษ์ชัดเจน โดยเฉพาะการเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ทำให้เกิดการระบาดของกำแพงกันคลื่นในหลายพื้นที่ชายหาด
ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า จากข้อมูลที่มีการรวบรวมมาพบว่า ตั้งแต่ปี 2556 – 2562 หลังการเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากโครงการที่ต้องทำ EIA มีโครงการกำแพงกันคลื่นทั้งหมด 74 โครงการ ระยะทางรวม 34.875 กิโลเมตรตลอดแนวชายฝั่ง งบประมาณรวม 6,967,853,620 บาท เครือข่ายประชาชนภาคใต้ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน มีความเห็นร่วมกันว่า เพื่อการฟื้นฟู แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศไทยอย่างยั่งยืน รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโครงการหรือกิจการประเภทกำแพงกันคลื่น กลับเข้าไปเป็นโครงการที่ต้องจัดทำ EIA และ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระงับการดำเนินการโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ชายหาดทั่วประเทศไทย ที่กำลังมีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อป้องการทำลายชายหาดด้วยโครงสร้างป้องกันชายฝั่งของรัฐ และไม่ให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย โดยรัฐบาลต้องส่งเสริม และผลักดันให้มีการใช้มาตรการที่เป็นมิตรกับชายหาด เช่น การเติมทราย การกำหนดแนวถอยร่น การรื้อถอนโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่ไม่จำเป็น และการป้องกันการกัดเซาะตามวิถีภูมิปัญญาดั้งเดิม
“รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนชายฝั่งสามารถกำหนดเจตจำนงของตนเอง ในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายหาดอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมให้ความรู้และรับรองสิทธิชุมชน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการจัดการ ใช้ประโยชน์ และบำรุงรักษาทรัพยากรชายหาด รัฐบาลควรเร่งตั้งคณะกรรมการศึกษาสภาพปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อรวบรวมการใช้ประโยชน์ และจำแนกประเภทการกัดเซาะชายฝั่ง รวมทั้งการการศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน”ในหนังสือระบุ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอใจบุญ จ.กระบี่ นำรายได้ค่าตรวจรักษา ช่วยน้ำท่วมชายแดนใต้
คนไทยไม่ทอดทิ้ง หมอใจบุญ จ.กระบี่ นำเงินรายได้จากการตรวจรักษา ส่งช่วยน้ำท่วมชายแดนใต้
สลด! ผู้รับเหมายิงช่างโยธา ดับ 2 เจ็บ 1 รับเครียดถูกกดดันโครงการไม่เสร็จตามสัญญา
ผู้รับเหมา 64 ปี ยิงช่างโยธากระบี่ดับ 2 เจ็บ 1 รับสารภาพถูกกดดันเครียดโครงการไม่แล้วเสร็จตามสัญญา
นายกฯ เปิดงานกินเจ จ.กระบี่ ย้ำคนละครึ่งเฟสสอง มาแน่ต้นปีหน้า
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
'โกหนู' อาสาพา 'กระบี่' โกอินเตอร์ เลือกตั้งหน้าขอ สส.ภูมิใจไทย ยกจังหวัดอีกครั้ง
“อนุทิน” มอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการ-ผู้บริหารท้องถิ่นกระบี่ ขอบคุณเลือก สส.ภูมิใจไทยยกจังหวัด โวผลงานดี ขอชาวกระบี่ให้อยู่ต่ออีก 4 ปี เลือกตั้งรอบหน้า ขอมี “โกวหนู” ทำกระบี่โกอินเตอร์
แชร์สนั่น! คนรกโลก จอดขวางรถฉุกเฉิน ญาติผู้ป่วยวิกฤตยกมือไหว้ สุดท้ายผู้ป่วยเสียชีวิต
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ขณะกำลังจะส่งตัวพ่อไปรักษาด่วนที่ รพ.กระบี่ คุณหมอ พี่ๆพยาบาล เวรห้องฉุกเฉิน รพ.ปลายพระยา กำลังช่วยเหลือพ่อที่มีอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ และมีอาการ หายใจด้วยตัวเองไม่ได้ (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รถ refer มาจอดจุดรับส่งตัวผู้ป่วย
'แรมโบ้' คัมแบ็กเตรียมรับตำแหน่งในรัฐบาลอนุทิน
'แรมโบ้' คัมแบ็ก ยื่นลาออกจากบอร์ด กนอ.รับตำแหน่งทางการเมืองรัฐบาลอนุทิน


