สุดมักง่าย! ล้งทุเรียน เทน้ำยาสารเคมีชุบเปลือกทิ้งแหล่งน้ำจนเน่า

ชาวบ้านสุดทน ร้องหน่วยงานรัฐเร่งสางปัญหา  ล้งทุเรียนมักง่ายเทน้ำทิ้งสารเคมีชุบเปลือกทุเรียน ลงแม่น้ำสาธารณะจนเสียน่าเหม็น สร้างความเดือดร้อนสาหัส

2 ก.ค.2566 – ร.อ.กอบศักดิ์ นาคหาญ หน.ชรต.403 (กอ.รมน.ชพ.) พร้อมด้วย นายอัศดากร ฉิมมณี นายก อบต.นาขา นายนพรัตน์ ธรรมนารักษ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเทศบาลตำบลวังตะโก และ อบต.นาขา ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ผ่านสายด่วนความมั่นคง กอ.รมน.1374 ว่าน้ำในห้วยหารเหนือ เกิดเน่าเสีย มีปลาตายลอยเกลื่อนจำนวนมาก โดยชาวบ้านเชื่อว่า สาเหตุมาจากน้ำยาที่ใช้ชุบลูกทุเรียน ที่ล้งทุเรียนใช้แล้วเททิ้งลงแหล่งน้ำ จนส่งผลให้ได้รับความเสียหายและเดือนร้อนกันเป็นอย่างมาก

จากการลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุตั้งแต่ปากซอยสะพานค้อ 3 เขตหมู่ที่ 7 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร น้ำห้วยหารเหนือ ซึ่งเป็นคลองสาธารณะ ที่ไหลผ่าน 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.วังตะโก ต.นาขา และ ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน ระยะทางกว่า 10 กม. และมีฝายกั้นเป็นระยะก่อนจะลงทะเล โดยคลองสาธารณะห้วยหารเหนือ มีความกว้าง 8 เมตร ระดับน้ำลึก 2-3 เมตรในบางจุด โดยเจ้าหน้าที่พบว่าน้ำมีสีขุ่นคล้ำปนน้ำตาลข้น ส่งกลิ่นเหม็นเน่า มีปลาหลากหลายชนิด มีทั้ง ปลานิล ปลากด แม่ปลา ปลาหมอ เป็นต้น มีทั้งตัวขนาดใหญ่ไปถึงตัวขนาดเล็ก ลอยตายเกลื่อน

นายจรัญ พวงบุปผา  กล่าวว่า ตนเองมีบ้านและสวนอยู่ริมคลองสาธารณะนี้ โดยในสวนจะปลูกปาล์มน้ำมัน มังคุด และ ทุเรียน  ซึ่งจะใช้น้ำแหล่งนี้เพื่อรดต้นทุเรียน และเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองลงไปดูหัวสูบน้ำ ก็ปรากฏว่าน้ำในคลองเริ่มเป็นสีขุ่นคล้ำจนออกเป็นสีดำและเริ่มเห็นปลาลอยหัวขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจ จึงรู้ทันทีว่าน้ำในคลองเริ่มเน่าเสียอีกแล้ว และจะเป็นอย่างนี้ทุกปีในช่วงของผลผลิตหน้าทุเรียนที่ชาวสวนเก็บเกี่ยวนำไปขายให้กับล้งรับซื้อที่มีอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก และล้งก็จะเอาทุเรียนที่ซื้อมาจากชาวสวนชุบน้ำยาก่อนแพ็กลงกล่องก่อนส่งไปขายต่างประเทศ ซึ่งปีนี้ยอมรับว่ารุนแรงมากมีปลาตายมากกว่าทุก ๆปี และไม่สามารถนำน้ำมาใช้ได้ทางการเกษตรได้เลย ขนาดถูกตัวก็จะคันมากและเหม็นติดเสื้อผ้าด้วย

ด้านนายนพรัตน์ ธรรมนารักษ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ระบุว่า ตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านอยู่เป็นประจำทุกปี เรื่องน้ำในห้วยหารเหนือ แหล่งสาธารณะแห่งนี้ เกิดเน่าเสียมีปลาตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะรายงานไปยังผู้เกี่ยวข้องเรื่องก็เงียบหาย เอาตัวอย่างน้ำเสียไปตรวจสอบ ก็ได้คำตอบกลับมาแค่น้ำขาดออกซิเจน ทำให้ปลาตาย เท่านั้นจริง ๆ เป็นแบบนี้อยู่ตลอดทุกปี จนชาวบ้านคงเหลือดอด จึงได้แจ้งไปยังสายด่วนความมั่นคง กอ.รมน. เพื่อให้ลงมาตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมสักที

ขณะที่ นายอิศดากร ฉิมมณี นายก อบต.นาขา กล่าวว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกปี แต่ปีนี้หนักกว่าทุกปี เนื่องจาก จ.ชุมพรประสบภัยแล้ง ฝนขาดช่วงทำให้ไม่มีน้ำน้อย แล้วยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก ตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหมู่ที่ 7,6,9 และหมู่ 5 ต.นาขา ในพื้นที่ตำบลนาขา อ.หลังสวน นับวันก็จะมีล้งทุเรียนเกิดมากขึ้น และนับวันก็จะยิ่งส่งผลกระทบความเดือดร้อนต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย  ขณะที่ อบต.นาขา มีบทบาทหน้าที่อยู่ในวงจำกัด

“ยอมรับว่าไม่สามารถเข้าจัดการได้อย่างเด็ดขาด เหมือนกับทางจังหวัดที่สามารถสั่งการได้เลย หากผู้ประกอบการรายใดไม่ปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรฐาน ก็ใช้มาตรการเอาผิดอย่างเด็ดขาดได้ในทันที ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายไม่กล้าฝ่าฝืน เหมือนการกระทำในขณะที่ปล่อยน้ำเสีย ทิ้งน้ำยา ลงแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยไม่ได้มีการบำบัดแต่อย่างใด จนเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมา” นายอิศดากร ระบุ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบตามเส้นทางของการไหลของน้ำในคลองจากที่เกิดเหตุขึ้นประมาณเกือบ 1 กม. พบว่าสภาพน้ำเหม็นเน่า มีผักตบชวาเหี่ยวแห้งเป็นสีน้ำตาลลอยตายเป็นแพ และพบว่าบริเวณท่อระบายริมถนนสายเอเชีย 41 มีน้ำสีเหลืองขุ่นไหลลงมาเป็นระยะ โดยทั้งสองฝั่งของถนนสายเอเซีย41 เต็มไปด้วยล้งทุเรียนขนาดใหญ่ ที่เป็นทั้งของคนจีนและคนไทยเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบพบร่องรอยคราบสีเหลืองตามภาชนะติดให้เห็น และยังพบหญ้าที่ถูกน้ำยาจากสีเขียวกลายเป็นสีเหลืองตายอีกด้วย

นอกจากนี้ยังสอบถามกับลูกจ้างของล้งทุเรียนแห่งหนึ่ง ทราบว่าทุกล้งทุเรียน หลังจากที่รับซื้อทุเรียนจากชาวสวนมาแล้ว ก็จะนำมาคัดเกรดอีกครั้ง เบอร์เล็กเบอร์ใหญ่ ลูกสวย ไม่สวย แต่ทุเรียนทุกลูกก็จะต้องผ่านการชุบน้ำยาซึ่งเป็นสารเคมีเพื่อรักษาผิว ฆ่าเชื้อโรค และกันเชื้อรา ก่อนจะแพ็กส่งออกไปประเทศจีน โดยน้ำยาดังกล่าวจะผสมและใช้ได้ในเวลาจำกัดเพียง 3 ชม. แล้วก็จะทิ้งไป และจะทำความสะอาดพื้นเพื่อล้างคราบน้ำยาทุก ๆอาทิตย์

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ ได้เก็บรวบรวมหลักฐานต่าง ๆรายงานให้ทางจังหวัดได้ทราบ เพื่อจะได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการลงมาตรวจสอบเพื่อหาข้อมูลถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุอะไรจึงทำให้น้ำเน่าเสียและเกิดปรากฎปลาตายเกลื่อนคลองดังกล่าวต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' สั่งกำชับเร่งหาสาเหตุไฟไหม้โรงงานสารเคมีระยอง จงใจให้เกิดขึ้นหรือไม่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ว่า มีความเป็นห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้หน่วยงานต่างๆระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

สส.ระยอง ก้าวไกล ตั้งข้อสงสัยวางเพลิงโรงงานเก็บสารเคมี 'วิน โพรเสส' จี้รัฐบาลตรวจสอบ

นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีของบริษัท วินโพรเสส จำกัด ว่า ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ตนได้ลงพื้นที่จุดหลังเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเวลา 22.00 น.

สลด! พบศพสองพี่น้อง ถูกฆาตกรรมหมกบ่อน้ำหน้าบ้าน

พ.ต.ท.ภัคดี ตันอนุกูล สว.(สอบสวน)สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งมีศพถูกฆาตกรรม 2 ศพทิ้งอยู่ในบ่อน้ำหน้าบ้านที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 10 ตำบลนาพญา อ.หลังสวน จึงรายงาน พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว

'ผบช.ก.' สั่งเร่งสืบสวนเอาผิด 'แก๊งลอบขนสารพิษ' เข้าสมุทรสาคร

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า จากกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พบกากแคดเมียมก่อมะเร็งซุกในบริษัทหนึ่ง

'เจ๊อ้วน' ขอโทษยอมรับกรรม! บอกผ่านลูกกรง ห้ามญาติประกันตัว-ไม่อุทธรณ์

ความคืบหน้ากรณีตำรวจจับกุม นางวันเพ็ญ ธัญญาพงศ์พานิช อายุ 62 ปี หรือ “เจ๊อ้วน” จ้างวาน นายสมชัย รัตนะ อายุ 62 ปี กับพวกอุ้มฆ่า นายขนบ สมหวัง อายุ 65 ปี หรือ “โกหมาด”