'บิ๊กโจ๊ก' ขีดเส้น 15 ก.ย. เพิกถอนเอกสารสิทธิทับที่สาธารณะ 'เกาะหลีเป๊ะ' ลั่น 6 เดือนก้าวหน้าไปเยอะ

"บิ๊กโจ๊ก" ขีดเส้น 15 กย.เพิกถอนเอกสารสิทธิแปลง 11 เกาะหลีเป๊ะ ขู่กรมที่ดินหากถ่วงเวลาเจอ ม.157 ชาวเล 14 รายโล่ง รองผบ.ตร.รับปากไม่ถูกดำเนินคดี 14 หลังถูกผู้ประกอบการแจ้งบุกรุกที่ดิน รองปลัด ยธ. ยกแผนที่ทางอากาศยืนยันหลักฐาน

30 ส.ค.2566 - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล และคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธนพร ศรียางกูร คณะกรรมการ เดินทางด้วยเฮลิคอร์ปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ลงพื้นเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาชาวเลและสำรวจลำรางสาธารณะร่วมกับชาวบ้านเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เป็นประธานในการประชุมการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินชนเกาะหลีเป๊ะ ที่ห้องประชุม สภ.หลีเป๊ะ โดยมีผู้แทนหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม อาทิ กรมที่ดิน กรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ อบต.เกาะสาหร่าย ฝ่ายอำเภอเมืองสตูล นายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไทและที่ปรึกษาเครือข่ายชาวเล ตลอดจนแกนนำชาวเลผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีนายทุนปิดทางสัญจรของชาวเลไปยังโรงเรียนและสถานีอนามัย รวมทั้งยังมีชาวเลจำนวนหนึ่งซึ่งถูกเอกชนฟ้องคดีบุกรุกที่ดิน และมีข้อพิพาทกับกรมอุทยานฯเรื่องบุกรุกพื้นที่อุทยานอีกด้วย โดยมีชาวอูรักลาโว้ยบนเกาะหลีเป๊ะที่ได้รับผลกระทบมารอติดตามผลกว่า 100 คน

ภายหลังประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ออกมาพบกับเครือข่ายชาวเลที่ปักหลักรอความคืบหน้า พร้อมกล่าวกับชาวเลว่า ความกังวลของชาวเลว่าร้องเรียนไปแล้วแต่กลับโดนเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดี ซึ่งมีรายชื่อชาวเลที่มีคดีทั้งหมด 14 ราย นั้น ตนยืนยันว่า ได้ประชุมหารือกันแล้วโดยจะแก้ไขปัญหาไม่ให้ทุกคนต้องถูกดำเนินคดี ตนคือเครื่องหมายความยุติธรรมที่ลงมาทำเรื่องนี้เพื่อต้องการนำที่ดินคืนให้ชาวเล ยืนยันว่าในส่วนของคดีชาวเล ได้ตรวจสอบและนำพยานลักฐานมาหักล้างแล้วพบว่า ไม่เป็นความผิด โดยจะเอากระบวนการมาหักล้างให้ทั้งหมด 14 ราย ขอให้ชาวเลสบายใจได้ ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลจะไปดำเนินการให้ ที่สำคัญตนได้กำชับเจ้าหน้าที่แล้วว่าต่อไปนี้ห้ามไม่ให้ชาวเลเดินทางออกจากเกาะไปให้ปากคำบนฝั่ง จ.สตูลเพราะเดินทางลำบาก ถ้าจะต้องสอบเพื่อยุติเรื่องให้พนักงานสอบสวนเดินทางมาสอบบนเกาะ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทับที่สาธารณะแปลงที่ 11 บนเกาะหลีเป๊ะว่า ได้ดำเนินการตามมาตรา 61 ของประมวลกฎหมายที่ดิน กำลังเร่งรัดให้เพิกถอนที่ดินแปลงที่ 11 ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจร พื้นที่โรงเรียน ที่มีการกั้นรั้วปิดกั้น จะดำเนินการเพิกถอนในส่วนนี้ก่อน โดยคณะกรรมการตามมาตรา 61 ได้รวบรวมหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายกรมแผนที่ทหารและอื่นๆ พร้อมดำเนินการแล้ว เมื่อเพิกถอนแปลงที่ 11 แล้ว จากนั้นจะไล่ไปยังพื้นที่อื่นทั่วทั้งเกาะ โดยจะต้องดำเนินการภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ หากเจ้าหน้าที่หรือกรมที่ดินไม่ดำเนินการ ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ได้ ซึ่งตนจะเร่งรัดโดยเร็วที่สุด ส่วนที่มองว่ากรมที่ดินพยายามดึงเวลานั้น จะดึงยังไงก็แล้วแต่ ต้องเสร็จในวันที่ 15 กันยายนนี้

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมาดูเรื่องการรุกลำรางสาธารณะซึ่งปิดกั้นทางน้ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมและเน่าเหม็นบนเกาะในปัจจุบัน ซึ่งตนได้มาเห็นกับตาว่าบุกรุกจริง ก็จะดำเนินคดีอาญาและออกคำสั่งเพิกถอนกับผู้บุกรุกทั้งหมดด้วย เพื่อเอาลำรางสาธารณะมาคืนให้สาธารณะ

“ยืนยันว่าทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น ปัญหาเหล่านี้หมักหมมมาหลายสิบปี ผมมาแก้ได้ 6 เดือน ก็ก้าวหน้าไปเยอะกว่าทุกๆคนที่เคยเข้ามาแก้ปัญหา ผมไม่เคยทิ้งที่นี่ เห็นได้ว่าตอนนี้มีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการโรงแรมที่บุกรุกนับร้อยๆราย แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ผมจะไปอธิบายเขาว่าทำไมต้องดำเนินคดี ก็เพราะบุกรุก ตอนนี้มีทั้งสั่งให้รื้อถอนตามคำสั่งศาล รวมถึงการเพิกถอนที่ดินที่ออกโดยมิชอบเพื่อเป็นการเซ็ตซีโร่ใหม่ แล้วนำมาจัดสรรให้ชาวเล เหมือนการย้อนไปสู่อดีตที่ผ่านมา ส่วนจะทำท่องเที่ยวหรืออะไรต่อ ก็ต้องมาวางเงื่อนไขกฎเกณฑ์กันต่อไป เราต้องกลับมาแก้ไขให้ถูกต้อง ไม่นั้นเกาะหลีเป๊ะก็เน่า วันนี้ผมรับรองว่าเกาะหลีเป๊ะจะเป็นโมเดลสำหรับที่อื่นต้องทำตาม เกาะนี้จะเป็นเกาะที่น่าอยู่สำหรับคนดั้งเดิม ขณะที่สามรถสร้างราชการนำรายได้จากการท่องเที่ยวได้”รองผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะทำงานได้ต่อเนื่องหรือไม่ เมื่อเข้าสารัฐบาลใหม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เราต้องทำต่อเนื่อง คำสั่งตั้งคณะกรรมการฯมาจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ตนมองว่าเป็นคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชนยังไงก็ต้องทำต่อ เมื่อเป็นหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนยังไงก็ต้องทำต่อ เพราะที่ทำกันมาก็ถือว่าคืบหน้าไปมากแล้ว

รายงานข่าวในที่ประชุมแจ้งว่า ที่ประชุมได้หารือใน 3 ประเด็นเร่งด่วน คือ 1.คดีที่มีการฟ้องร้องชาวเลบุกรุกที่ดิน ซึ่งฝ่ายตำรวจจะเร่งสอบปากคำชาวเลในส่วนที่เหลือในวันพรุ่งนี้(30 ส.ค.) ซึ่งคาดว่าจะสรุปสำนานไม่สั่งฟ้องชาวเลท้ง 14 ราย เนื่องจากมีพยานหลักฐานการครอบครองทำกินมาหักล้าง ผนวกกับข้อมูลในทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 2.ติดตามความคืบหน้าที่รองผบ.ตร.ได้สั่งการในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ในเรื่องบุกรุกลำรางสาธารณะให้เร่งดำเนินคดีทั้งหมด และ 3.เรื่อง น.ส3 ทับซ้อนที่ดินที่ตั้งของสภ.หลีเป๊ะ ซึ่งตามเอกสารสภ.หลีเป๊ะมีที่ดินกว่า 10 ไร่ แต่สภาพปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ทำการของสถานีเท่านั้น โดยล้อมรอบไปด้วยโรงแรม และกิจการของเอกชน รองผบ.ตร.จึงสั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบโดยเร็วที่สุด หากพบการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น

ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ชาวเลถือเป็นผู้มีคุณประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะเป็นคนกำหนดเขตแดนประเทศ วันนี้คณะกรรมการฯได้คุยกับกรมอุทยานฯ ว่าจะพยายามผ่อนผัน อะลุ่มอล่วย โดยเราดูภาพถ่ายการอพยพของชาวเลจากเกาะอาดังในอดีต ซึ่งถือเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และหาจุดสมดุลระหว่างความเป็นรัฐกับสิทธิประชาชน ซึ่งวันนี้มีความก้าวหน้าไปมาก วันนี้เกาะหลีเปะเมื่อได้ที่ดินรัฐกลับมา ก็จะมีการจัดสรรที่ดิน รวมไปถึงการจัดวางผังเมืองเกาะหลีเป๊ะด้วย

ด้านนายอาทิตย์ ทะเลลึก 1 ใน 14 ชาวเลที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกที่ดินของตัวเอง กล่าวว่า รู้สึกสบายใจที่รองผบ.ตร.ยืนยันว่าชาวเลจะไม่ต้องคดี เพราะที่ดินเป็นของบรรพบุรุษที่ทำมาหากินกันมา ปลูกผักทำนา แต่ต่อมามีนายทุนมาฟ้องร้อง กระบวนการต่อสู้คดีก็ยากลำบาก เพราะชาวเลไม่รู้กฎหมาย และไม่มีเงินทุนเดินทางไปสู้คดีบนฝั่ง อย่างไรก็ตามแม้ในเรื่องดำเนินคดีจะเบาบางลง แต่ชาวเลก็ต้องสู้กันต่อไป เพราะที่ดินยังติดประกาศเขตพื้นที่อุทยานฯ

นายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไทและที่ปรึกษาเครือข่ายชาวเล กล่าววว่าการประชุมวันนี้ถือเป็นมิติใหม่ด้านสิทธิมนุษยชน ที่ภาครัฐและชาวเลได้แสวงหาทางออกร่วมกันต่อปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน ปัญหาบนเกาะหลีเป๊ะนั้นซับซ้อนและเกี่ยวพันมากมาย วันนี้จึงเป็นการปลดปัญหาออกทีละส่วน ให้คนในพื้นที่ที่อยู่มาดั้งเดิมได้มีความหวัง คงจะต้องติดตามการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องในทุกๆมิติต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เผย ก.ตร. มีมติส่งคำร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ฝ่ายวินัยพิจารณาอีกรอบ ปมสั่งช่วยราชการ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 ว่า วันนี้วาระสำคัญของการประชุมนอกจากแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ยังมีเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องขอความเป็นธรรมทั้งหมด ทั้งที่มีต่อตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร.

คกก.สอบ 2 บิ๊กตำรวจ ยอมรับเชิญ 'บิ๊กต่อ' ให้ถ้อยคำแล้ว นัดแถลงทุกประเด็นสัปดาห์หน้า

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' แจงตั้ง 'สราวุฒิ' ใกล้เกษียณสอบวินัย 'โจ๊ก' หากไม่ทันเตรียมใช้แผนสอง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมข้าราชการตำรวจช่วงบ่ายวันนี้ ว่า จะมีการนำประเด็นเรื่องร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

ชุดสอบ 'โจ๊ก' กับพวกผิดวินัยร้ายแรง-ออกจากราชการไว้ก่อน ยืนยันไม่มีใครชี้นำได้

พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกออกจากราชการไว้ก่อน