ผู้สมัคร สว.สอบตก ร้อง กกต.ค้านผลเลือกระดับจังหวัด ชี้พบผิดปกติอื้อ

17 มิ.ย.2567-ที่สำนักงาน กกต.ขอนแก่น ได้มีผู้สมัคร สว.จากหลายกลุ่มที่ไม่ผ่านการเลือกระดับจังหวัด เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อคัดค้านกรณีภายหลังจากทราบผลคะแนนการเลือก สว.ระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังพบว่ามีผู้สมัคร สว.มีคะแนนเป็น 0 เนื่องจากไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ขัดต่อเจตนารมณ์ตามหลักรัฐธรรมนูญ ที่ผู้สมัคร สว.ทุกคนมีความตั้งใจตั้งแต่วันแรกที่จะเข้ามาเพื่อได้รับเลือกทำหน้าที่ สว.ในสภา ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการส่อเจตนาไปในทางทุจริต ในเรื่องของการจัดตั้งกลุ่มการเมือง หรือการฮั้วเกิดขึ้น

นายพัชระ บัวแพง ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 15 กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น หรืออื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน กล่าวว่า  ผลการเลือก สว.ระดับจังหวัดออกมาแล้วพบว่า มีคนไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง หรือมีคะแนนเป็นศูนย์มากถึงกว่า 20 คน จากจำนวนผู้สมัคร สว.ในกลุ่มนี้ที่ผ่านเข้ารอบในระดับจังหวัดทั้งหมดจำนวน 35 คน และคะแนนสูงโดดตั้งแต่ระดับอำเภอเพียงผู้เดียวเป็นครูประถมศึกษา ซึ่งส่วนตัวเป็นผู้สมัครอิสระ และทุกคนที่เป็นผู้สมัครอิสระต่างไม่ผ่านในระดับจังหวัดซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

“การกระทำดังกล่าวเป็นไปในลักษณะที่โจ่งแจ้งจนเกิดความสงสัยขึ้นมา ทั้งนี้ส่วนตัวได้ตั้งข้อสังเกตุว่าน่าจะมีการฮั้วกัน โดยมี 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ผู้สมัคร สว.ทั้ง 35 คนที่ผ่านเข้ามาในระดับอำเภอ มีอาชีพครูเป็นส่วนใหญ่ 2.ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกระดับจังหวัดก็คือกลุ่มครูและมีคะแนนสูโดดกว่าเพื่อน และข้อ 3 มีผู้ที่ได้คะแนนเป็นศูนย์คือไม่เลือกลงคะแนนให้ตัวเองกว่า 20 คน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นความบังเอิญ น่าจะมีการฮั้วกันเกิดขึ้น จึงได้มาร้องคัดค้านกับทางกกต.ตามสิทธิ์ เพื่อให้ทาง กกต.ได้สืบสวนหาข้อเท็จจริงและชี้แจงต่อประชาชน เพื่อความโปร่งใส ทั้งนี้ส่วนตัวไม่มีพยานหลักฐานเป็นผู้สมัครอิสระไม่มีกลุ่มฮั้ว คนที่มาแบบกลุ่มอิสระตกรอบกันหมด การมีพรรคพวกก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งและไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

ขณะที่ นายวัชระ สีสาร ผอ.สนง.กกต.ขก. กล่าวว่า การร้องเรียนเป็นไปตามสิทธิ์ที่สามารถทำได้ โดยทาง กกต.ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอน โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการเลือก สว.ระดับประเทศ โดยการทักท้วงนั้นจะมี 2 ลักษณะ คือระหว่างนับคะแนน เชช่นบัตรนี้บัตรดีบัตรเสีย และทักท้วงขึ้นมา และอีกลักษณะคือหากผลคะแนนอกมาแล้วมีการทักท้วง เป็นการผ่านการดำเนินการไปแล้ว ทั้งกรณีไม่ได้คะแนน คะแนนโดด หรือคะแนนเป็นศูนย์ ซึ่งระเบียบจาก กกต.มีการระบุไว้ชัดเจน โดยจะมีการตรวจสอบและดำเนินการตามคำร้องเป็นรายๆไปจนครบทุกกรณี การทักท้วงระหว่างการนับคะแนนนั้นของขังหวัดขอนแก่นเองยังไม่มี แต่จะเป็นภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการนับคะแนนจนแล้วเสร็จ และเห็นผลเป็นภาพรวมแล้ว ในคำร้องจะมีการใช้คำร้องว่าสงสัยทั้งหมด โดยทุกคำร้องจะมีการตรวยสอบอีกครั้งตามขั้นตอนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

“กรณีที่ร้องเกี่ยวกับผู้สมัครไม่ลงคะแนนให้ตัวเองนั้น ด้วยกฎหมายการเลือก สว.นั้น รอบแรกสามารถลงได้ 2 หมายเลข ลงให้ตัวเองก็ได้ แต่ให้คะแนนคนอื่นเกิน 1 ไม่ได้ เมื่อเข้ารอบไปแล้วมองเห็นว่าคนอื่นมีคุณสมบัติดีกว่าตัวเองก็สามารถนำไปเลือกคนอื่นได้ 2 หมายเลขซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้สมัครเองไม่ถือว่าทำผิด เพราะมีระบุในระเบียบการเลือก สว.เอาไว้อย่างชัดเจนทั้งหมด ในเรื่องที่ร้องเรียนนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคุณสมบัติ โดยเป็นการร้องว่าลงผิดกลุ่ม เช่นเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางอาชีพ สามารถลงได้หลายกลุ่ม เมื่อมาลงรับเลือกที่มีผู้สมัครในกลุ่มบางกลุ่ม ทำให้คนอื่นๆมองว่าเป็นการขาดคุณสมบัติได้ หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน ว่าเกี่ยวข้องขนาดไหน การไม่ลงคะแนนให้ตัวเองนั้นเห็นว่าคนอื่นมีคุณสมบัติดีกว่าตังเองหรือไม่ หรือมีการฮั้วกันเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องดูที่หลักฐานว่าจะเชื่อมโยงกันหรือไม่”

นายวัชระ กล่าวต่ออีกว่า ในวันที่18 มิ.ย. คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินนั้น เป็นการร้องในเรื่อง พรบ.ประกอบการเลือก สว. ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเจตนารมณ์การเลือกตามหลักรัฐธรรมนูญนั้นก็ต้องเลือกตัวเองเพราะได้สมัครเข้ามาขอรับเลือก แต่พรบ.เลือก สว. ระบุว่าเลือกคนอื่นได้ไม่เลือกตัวเองก็ได้ อย่างไรก็ตามขอนแก่นการดำเนินการเลือก สว.ทุกระดับเป็นไปด้วยความเรียบร้อยครบถ้วน โดในวันที่ 22 มิ.ย. ผู้ที่ผ่านการรับเลือกในระดับจังหวัดจะต้องมารับเอกสารจากทาง กกต. เป็นหนังสือแนะนำตัว (สว.3) ทั่วประเทศ 77 จังหวัด เพื่อดูประกอบการพิจารณาในการเลือกระดับประเทศต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

มาดุ! 'บิ๊กเกรียง' ฉะคนปล่อยเฟคนิวส์ หาน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะเอาหัวเสียบประจาน

'บิ๊กเกรียง' รับมอบของบริจาคช่วยอุทกภัย ฉะ คนปล่อยเฟคนิวส์ หาว่าน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะหัวเสียบประจาน ถามเอาจากไหนมาพูด บอก เสียหาย ถ้าเล่นการเมืองกัน ทำขวัญของประชาชนตกต่ำ ให้กำลังใจ 'นายกฯอนุทิน-รัฐบาล' เชื่อทำตามแผนฟื้นฟู-เยียวยาอยู่แล้ว

มรดก 2 พันล้านเดือด! ลูกชายตระกูล 'ทองแท่งไทย' แจ้งจับหมอ-อัยการ-ทนาย

ครอบครัวทองแท่งไทยเปิดศึกเดือด ระบุขั้นตอนทำพินัยกรรมของนักธุรกิจผู้ล่วงลับ อ้างมีหลายจุดน่าสงสัย ทั้งเอกสารแพทย์และสถานที่จัดทำ ก่อนลูกชายคนโตพาทนายเข้าแจ้งความเมืองขอนแก่น พร้อมยื่นศาลขอให้พินัยกรรมเป็นโมฆะและร่วมจัดการมรดก

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444