บุกรวบคากุฏิ! เจ้าสำนักสงฆ์นครพนม ขืนใจเณรวัย 13

มารศาสนา! เจ้าสำนักสงฆ์นครพนม ขืนใจเณร 13 ขวบ กามวิตถาร “ฉันบวบ-ตอกเสาเข็ม” ตร.บุกรวบตัวคากุฎิ อ้างรักเสมือนลูก โทษสูงสุดจำคุก 20 ปี

16 ก.ค.2567 -กลายเป็นข่าวฉาวอีก สำหรับวงการพระสงฆ์ หลังนางลาวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี แม่ของสามเณรการ์ตูน อายุ 13 ขวบ ชาวบ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นำเอกสารหลักฐานเป็นผลการตรวจร่างกาย ของบุตรชาย เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ธนพงค์ ชาวเชียงตุง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อเอาผิดดำเนินคดีกับ พระบุญส่ง หรือ นายบาหยัน มลผาลา อายุ 41 ปี เจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่บ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เนื่องจากสามเณรการ์ตูน ที่บวชเป็นสามเณรอยู่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ สุดทนในพฤติกรรมวิปริตพระเจ้าสำนัก เช่น บังขับขืนใจ ให้ฉันบวบ อมนกเขา รวมถึงตอกเสาเข็ม ร่วมเพศทางทวารหนัก เพื่อสำเร็จความใคร่

ก่อนหน้านี้สามเณรปิดปากเงียบนานนับเดือน เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้าย และกลัวว่า จะไม่ได้เรียนหนังสือ สุดท้ายทนพฤติกรรมทารุณทางเพศไม่ไหว โดยในรอบ 1 เดือนพระบุญส่งบังคับให้ฉันบวบ ร่วมเพศทางทวารถึง 8 ครั้ง จึงนำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้แม่ฟัง เพื่อขอความช่วยเหลือฉุดให้พ้นจากนรกขุมนี้

ทางด้าน นายอุทิศ อุ่นชัย อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากแม่ รวมถึงญาติสามเณรการ์ตูน จึงประสานคณะสงฆ์ ที่มีอำนาจทางปกครองในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปหารือ ยืนยันว่ามีการกระทำผิดทางวินัยสงฆ์จริง รวมทั้งพระบุญส่ง หรือ นายบาหยัน มลผาลา อายุ 41 ปี ผู้ถูกกล่าวหา ยอมรับสารภาพ และเรียกร้องให้มีการไกล่เกลี่ย เพราะสำนึกผิด อ้างทำไปเพราะรักเด็ก และเป็นอารมณ์ชั่ววูบ โดยทางฝ่ายปกครอง รวมถึงคณะสงฆ์ที่มีอำนาจปกครอง ไม่ยินยอม จึงนำตัวลิกขา เพราะเป็นพฤติกรรมที่เป็นโทษทางวินัยสงฆ์ขั้นปาราชิก ไม่สามารถกลับมาบวชได้อีกตลอดชีวิต

ต่อมา พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม ได้ประสานทีมสืบสวนสอบสวน ให้เชิญตัว นายบาหยัน มลผาลา หรืออดีตพระบุญส่ง อายุ 41 ปี หลังจับลาสิกขามารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อหากระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม รวมถึงกระทำต่อเด็กที่อยู่ในความดูแล โดยมีโทษสูงสุดจำคุกรวมกว่า 20 ปี โดยตัวผู้ต้องหาสารภาพว่ากระทำผิดจริง ทำไปเพราะความรักเอ็นดู ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบานปลาย ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ และสำนึกผิดยอมชดใช้กรรม และกระทำชำเราทางททวารหนักหลายครั้ง ส่วนผลการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด

สามเณรการ์ตูน อายุ 13 ปีผู้เสียหาย เปิดเผยว่าหลังจบการศึกษาชั้นประถมศึกษา แต่มีปัญหาครอบครัวยากจน แม่กับพ่อรวมถึงยายจึงให้บวชเรียน เพราะจะเป็นโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ดี โดยนำไปฝากบรรพชา บวชเรียนกับพระบุญส่ง ที่เป็นเจ้าสำนักวัดป่าในหมู่บ้าน เพราะมีความศรัทธาธุดงค์มาจำวัดป่าในหมู่บ้าน เป็นเวลานานกว่า 5 ปี และดูแลลูกศิษย์ สามเณร มีการศึกษาที่ดีหลายคน โดยทุกวันจะต้องไปเรียนที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และกลับไปจำวัดในหมู่บ้านเช่นนี้ประจำ

สำนักสงฆ์แห่งนี้ มีพระลูกวัด 1 รูป สามเณรอีก 2 รูป อดีตพระบุญส่งมีพฤติกรรมกลุ่มรักร่วมเพศมานาน โดยจะชักชวนให้เข้าไปในกุฎิ อ้างให้สามเณรนวดแก้ปวดเมื่อย และฉวยโอกาสบังคับให้ฉันบวบ รวมถึงร่วมเพศทางทวาร แรกๆไม่กล้าบอกใคร แต่ช่วงหลังมีพฤติกรรมหนักขึ้น บังคับขืนใจบ่อยมาก จึงสุดทนหนีกลับมาอยู่บ้าน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ไปขอความช่วยเหลือ ยอมรับว่ามีความหวาดกลัว แต่อยากเรียนหนังสือต่อให้จบ

ด้าน นางลาวัลย์ อายุ 40 ปี แม่สามเณรการ์ตูน เปิดเผยว่ารู้สึกตกใจมาก หลังทราบข่าว เพราะอดีตเจ้าสำนักเป็นพระที่ดูแลวัดป่า จำพรรษา 4 -5 ปีแล้ว ชาวบ้านมีความศรัทธา ทุกเช้าจะตักบาตรทุกวัน และอยากให้ลูกชายไปบวชเรียน เพื่ออนาคตทางการศึกษา เพราะครอบครัวยากจน ทำงานรับจ้างไปวันๆ สุดท้ายไม่คิดว่าจะมาทำร้ายลูกชายแบบนี้ ยอมรับกระทบทางจิตใจมาก แต่ยังต้องการให้ลูกบวชเรียนต่อ และขอให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วน นายอุทิศ อุ่นชัย อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เปิดเผยว่าอดีตพระบุญส่ง เป็นเจ้าสำนักดูแลวัดป่ามานานกว่า 5 ปี จากประวัติบวชเป็นพระกว่า 10 ปี เดิมจำพรรษาที่วัดอื่นในพื้นที่ อ.ธาตุพนม กระทั่งมีการย้ายมาจำวัดในหมู่บ้านโสกแมว ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ชาวบ้านดีใจที่มีพระมาดูแลสำนักสงฆ์แห่งนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีพระอยู่จำพรรษา กลายเป็นสำนักสงฆ์ร้าง ถือว่าเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้าน ยอมรับว่าระยะหลัง อดีตพระบุญส่งมีพฤติกรรมแปลก ชอบนำสามเณรมาเลี้ยงดูแลเสมือนลูก ไม่คิดว่าจะมีพฤติกรรมในทางเสื่อมเสี่ยแบบนี้ หลังสามเณรการ์ตูนออกมาแฉพฤติกรรม ทีแรกอยากหาทางช่วยเหลือไกล่เกลี่ย แต่นึกอีกทีเกรงว่าจะเป็นมารศาสนา และเป็นภัยสังคมก่อเหตุซ้ำอีก จึงต้องแจ้งคณะสงฆ์ทางปกครอง รวมถึงประสานตำรวจ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี และไม่อยากให้ไปก่อเหตุซ้ำอีก ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียให้วางการศาสนาเป็นอย่างมาก