รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่เชียงใหม่ติดตามสถานการณ์ลำไย ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตอย่างมีคุณภาพ รองรับตลาดทั้งในและต่างประเทศ ภาพรวมปีนี้ราคาเปิดตลาดดีกว่าปีก่อน
18 ก.ค.2567 – ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยในปี 2567 รวมไปถึงการผลักดันลำไยคุณภาพส่งออกสู่ประเทศจีน อินเดียและอินโดนีเซีย พบปะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยและตรวจเยี่ยมจุดรับซื้อลำไย ณ โรงงานลำไย บริษัท ตองแปดผักผลไม้ จำกัด ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เอกชนรายสำคัญที่ส่งออกผลไม้ไทยเวลานี้
โดย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จากการแปรปรวนของสภาพอากาศทำให้ปริมาณผลผลิตลำไยปีนี้ออกล่าช้า มีผลผลิตน้อย ทำให้ลำไยมีราคาสูงและเป็นที่ต้องในตลาดเป็นจำนวนมาก ภาครัฐและภาคเอกชน จึงร่วมมือช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร 8 จังหวัดภาคเหนือพื้นที่ปลูกหลัก โดยเฉพาะเชียงใหม่และลำพูน ที่มีลำไยเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญ มุ่งขับเคลื่อนตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ มุ่งเน้นในการเปิดตลาดใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ขอให้เกษตรกรทำการเกษตรให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อให้สามารถส่งออกไปประเทศปลายทางหรือประเทศผู้รับซื้อได้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ พร้อมจะสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการผลิตให้แก่เกษตรกร ทั้งในเรื่องปัจจัยการผลิต องค์ความรู้และนวัตกรรม โดยมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อให้หน่วยงานสามารถขับเคลื่อนและบูรณาการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป พร้อมย้ำว่า จะหาแนวทางดูแลเกษตรกรทุกกลุ่มเพื่อลดภาระในยามที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีนัก อีกทั้งยังมีภาระต้นทุนที่สูงและต้องเผชิญกับวิกฤตภัยธรรมชาติด้วย
สำหรับสถานการณ์ลำไยภาพรวมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567 มีพื้นที่ให้ผลผลิตลำไยทั้งหมดกว่า 448,000 ไร่ โดยมีช่วงการผลิต 2 ช่วง คือ ลำไยในฤดูซึ่งเป็นช่วงที่กำลังให้ผลผลิตอยู่ขณะนี้ จำนวนกว่า 305,000 ไร่ และลำไยนอกฤดู จำนวนกว่า 142,000 ไร่ โดยผลผลิตลำไยในฤดูในช่วงนี้จะมีมากในอำเภอจอมทอง พร้าว เชียงดาว สันป่าตอง ไชยปราการ สารภีและอำเภอดอยหล่อ ซึ่งคาดว่า ลำไยในฤดู ของจังหวัดเชียงใหม่จะออกสู่ท้องตลาดมากที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ และคาดว่าจะมีจำนวนผลผลิตในฤดู จำนวนทั้งสิ้นกว่า 248,000 ตัน ส่วนลำไยนอกฤดูจะมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 190,000 ตัน มากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีที่ผ่านมาผลผลิตลำไยมีน้อยส่งผลให้ตลาดมีความต้องการสูงและราคาสูง ทำให้เกษตรกรหันมาทำลำไยในฤดู และดูแลเอาใจใส่การผลิตให้ได้คุณภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าเกรดลำไยปีนี้จะมีคุณภาพเพิ่มขึ้นและราคาดีตามคุณภาพ
โดยราคาคัดเกรดการจำหน่ายลำไยในท้องตลาด ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ลำไยที่ส่งออกไปยังประเทศจีน เกรด AA ราคา 47 บาทต่อกิโลกรัม, เกรด A ราคา 42 บาทต่อกิโลกรัม, เกรด B ราคา 35 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด C ราคา 30 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ลำไยรูดร่วง เกรด AA ราคา 30 บาทต่อกิโลกรัม, เกรด A ราคา 19 บาทต่อกิโลกรัม, เกรด B ราคา 9 บาทต่อกิโลกรัม และ เกรด C ราคา 2 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนลำไยมัดปุ๊กหรือลำไยช่อสด เกรด AA+A ราคา 29 บาทต่อกิโลกรัม และ เกรด B+C ราคา 19 บาทต่อกิโลกรัม ลำไยสดช่อส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซีย เกรด AA ราคา 34 บาทต่อกิโลกรัม, เกรด A ราคา 28 บาทต่อกิโลกรัม, เกรด B ราคา 23 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด C ราคา 13 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าในปีนี้ราคาลำไยขณะเปิดตลาดล่าสุดยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เชียงใหม่คึกคัก 'มาดามหยก' นำทีมก้าวอิสระ สมัครสส. ลุยเปลี่ยนเมือง
นางสาวกชพร เวโรจน์ (มาดามหยก)หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ (Indy) นำทีมผู้สมัครสส.ของพรรคมาสมัครรับเลือกตั้ง ประกอบด้วยเขต 2 เบอร์
วิสามัญ 3 ศพ! กองกำลังผาเมือง ปะทะเดือดแก๊งขนยาบ้าชายแดนเชียงใหม่
กองกำลังผาเมือง โดยกองบังคับการควบคุมทหารพราน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 แจ้งว่า คืนที่ผ่านมาหน่วยได้จัดกำลังพลออกไปลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่รับผิดชอบ หลังได้รับรายงานว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศ

