กรมประมงประกาศปิดอ่าวไทย 3 เดือน 3 จังหวัด ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ คุ้มครองฤดูปลามีไข่
12 ก.พ.2568 - กรมประมงจัดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2568 ณ บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร ตำบลปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมประกาศใช้มาตรการฉบับใหม่ จำนวน 4 ฉบับ โดยยังคง 2 ช่วงเวลาต่อเนื่องกันช่วงที่ 1 วันที่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค. กำหนดมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลาง ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเพิ่มเติมรายละเอียดการอนุญาตให้ใช้เครื่องมือประมงบางชนิด และช่วงที่ 2 วันที่ 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. กำหนดมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยในพิธีประกาศปิดอ่าว นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาเป็นประธาน พร้อมด้วยนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ
โดยกรมประมงได้จัดพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และพิธีปล่อยขบวนเรือตรวจการประมงจำนวน 14 ลำ เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ภายในงานยังมีการมอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการประมง ประจำปี 2568 ให้แก่องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในเขตจังหวัดชุมพร จำนวนชุมชนละ 100,000 บาท และร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ประกอบด้วย กุ้งแชบ๊วย จำนวน 300,000 ตัว และปลากระบอก จำนวน 2,000 ตัว รวม 302,000 ตัว ลงสู่ทะเลชุมพรเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกด้วย
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า มาตรการ “ปิดอ่าวไทย” เป็นมาตรการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในฝั่งทะเลอ่าวไทย มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดความยั่งยืน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นสำคัญด้วย โดยในปีนี้ กรมประมงยังดำเนินมาตรการปิดอ่าวไทยในช่วงเวลาและพื้นที่เดิม
แต่มีการปรับปรุงข้อกำหนดของเครื่องมือประมงบางชนิด เพื่อให้สอดคล้องกับการเคลื่อนที่และวงจรชีวิตของปลาทู โดยผลการสำรวจพื้นที่อ่าวไทยตอนกลางเขตประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ในช่วงเวลา 15 ก.พ. – 15 พ.ค. พบพ่อแม่พันธุ์ปลาทูมีความสมบูรณ์เพศและพร้อมผสมพันธุ์ มากกว่าร้อยละ 80 ในขณะที่ผลการสำรวจเขตทะเลชายฝั่งตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และในเขตต่อเนื่อง ในช่วงเวลา 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. พบลูกปลาวัยอ่อนเจริญเติบโตเลี้ยงตัวบริเวณชายฝั่ง และพบลูกปลาขนาดเล็ก เดินทางเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัวเพื่อเจริญเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อกำหนดเรื่องความยาวอวนติดตาปลาและวิธีการทำการประมง ในช่วงที่ 1 วันที่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค.68 และข้อกำหนดเรื่องการใช้เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก ที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ของมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน บริเวณทะเลอ่าวไทยตอนกลาง (มาตรการปิดอ่าวไทย)
ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 22 มกราคม 2568, ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 22 มกราคม 2568,
ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568, ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 โดยประกาศทั้ง 4 ฉบับข้างต้น ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ ชาวประมง ผู้ประกอบการ นักวิชาการ ฯลฯ และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ จากหน่วยงานภายในและภายนอกกรมประมง และอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้ว
อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า “ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงที่เสียสละการทำประมงบางส่วนเพื่อร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลไทยให้การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดมา และขอให้ระมัดระวังการทำประมงโดยให้ทำประมงเฉพาะเครื่องมือและวิธีทำการประมงที่ประกาศให้ใช้ได้เท่านั้น ห้ามใช้เครื่องมืออื่น ๆ โดยเด็ดขาด
หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 30 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการปรับปรุงมาตรการในครั้งนี้จะช่วยคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำ ให้ได้มีโอกาสผสมพันธุ์ วางไข่ และสร้างประชากรสัตว์น้ำรุ่นใหม่ขึ้นมาหมุนเวียนในระบบนิเวศได้อย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศ
กรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำจากการสำรวจในพื้นที่ระบาดและพื้นที่กันชนล่าสุด มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลสำรวจเดือนกันยายน 2568 พบว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัด
กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ต่อเนื่อง กทม.บูรณาการทุกภาคส่วนคุมเข้ม “ปลาหมอคางดำ”
กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย โดยใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน
ปล่อย ‘ปลานักล่า’ กรมประมงผนึกซีพีเอฟ ใช้วิถีธรรมชาติ ลดปลาหมอคางดำ ฟื้นสมดุลแหล่งน้ำ
การปล่อยปลานักล่า ช่วยลดปลาหมอคางดำได้ผล กรมประมงผนึกกำลังทุกภาคส่วนและชุมชน เดินหน้ามาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วประเทศ ผ่านกิจกรรมการปล่อยพันธุ์ปลาผู้ล่าอย่างต่อเนื่อง
กรมประมง เปิดเส้นทาง “กุ้งก้ามกรามไทย” สัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูงกว่า 8.7 พันล้านบาท โชว์มาตรฐานการผลิตตลอดห่วงโซ่ จนได้วัตถุดิบชั้นเลิศ เมนู“ต้มยำกุ้ง” มรดกโลกบนโต๊ะอาหาร (From Farm to Table)
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานส่งเสริมการผลิตกุ้งก้ามกรามคุณภาพมาตรฐานสากล ครบทุกขั้นตอนตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อมเปิดเผยว่า “กุ้งก้ามกราม”
'รักชนก' เปิดงบฯ69 ของก.เกษตรฯ 15 โครงการ ลงพื้นที่ 'ไผ่ ลิกค์' แบบเฉพาะเจาะจงหรือไม่
น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า นาย ไผ่ ลิกค์ สส. จังหวัดกำแพงเพชร เขต 1

