ฟาร์มไข่นกกระทา พลิกชีวิตด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

จากอดีตพนักงานบริษัทที่ต้องเผชิญกับโรคร้าย กลายมาเป็นเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จ "สมนึก พรหมสูง" ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความพยายามและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริง

25 มีนาคม 2568 - ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายสมนึก พรหมสูง อายุ 54 ปี ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 209 หมู่ 3 ตำบลสมอแข อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสวนผัก ไม้ผล กรงไก่ชน และฟาร์มนกกระทาที่กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของครอบครัว

นายสมนึกเล่าว่า เดิมทีเคยทำงานบริษัท แต่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเลือดและสมอง ต้องรักษาตัวอยู่นานถึง 5 ปี ช่วงนั้นลำบากมาก เนื่องจากต้องเลี้ยงลูกน้อยไปด้วย แต่ด้วยความมุ่งมั่น เมื่ออาการดีขึ้น จึงมองหาอาชีพที่สามารถทำที่บ้านได้ ประกอบกับเดิมทีมีความสนใจในการเลี้ยงไก่ชนอยู่แล้ว จึงเริ่มต้นจากตรงนั้น

จนกระทั่งได้รับคำแนะนำให้ลองเลี้ยงนกกระทา เพราะเป็นสัตว์ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง สามารถสร้างรายได้จากทุกส่วน ตั้งแต่ ไข่นกกระทา ลูกนก ตัวนกที่โตเต็มวัย ไปจนถึงนกกระทาที่หมดอายุไข่ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้มูลนกกระทาเป็นปุ๋ยบำรุงพืชผักและผลไม้ในสวนได้อีกด้วย

นายสมนึกเริ่มต้นจากการศึกษาตลาด โดยทดลองรับไข่เชื้อนกกระทาจากฟาร์มอื่นมาฟัก โดยเลือกสายพันธุ์ ผสม 3 สายพันธุ์คือสายพันธุ์เท็กซัส จากอเมริกา ที่จะให้ลำตัวนกใหญ่กว่านกกะทั่วไป และสายพันธุ์ญี่ปุ่น ที่ให้ไข่ดก และสุดท้ายคือสายพันธุ์ไทยที่จะให้ความทนต่อโลกและสภาพอากาศในประเทศไทย พร้อมทั้งศึกษาและพัฒนาสูตรอาหารเลี้ยงนกกระทาเพื่อลดต้นทุน ปัจจุบันสามารถผลิตอาหารนกกระทาเองได้ และยังส่งขายให้เกษตรกรรายอื่น ปัจจุบัน ฟาร์มนกกระทาของนายสมนึกมี นกกระทาอนุบาลกว่า 1,000 ตัว มีประมาณ 1 เดือนจะเริ่มเข้าสู้การฟักไข่ นอกจากนี้ยังมีนกกะทาสาวที่สามารถให้ไข่ได้แล้วกว่า 400 ตัว สามารถผลิตไข่ได้วันละ 300-400 ฟอง ขายฟองละ 1 บาท เฉลี่ยรายได้ประมาณไม่ต่ำกว่า 2100 บาทต่อสัปดาห์ และยังขยายธุรกิจ โดยเพิ่มการจำหน่ายลูกนกกระทาอายุ 1 สัปดาห์ ตัวละ 10 บาท และนกกะทาสาว อายุ 1 เดือน ตัวละ 20 บาท และนกกระทาสาวพร้อมไข่ อายุ 45 วัน ราคาตัวละ 25 บาท ให้กับผู้ที่สนใจอยากจะสร้างรายได้จากการเลี้ยงนกกระทาอีกด้วย โดยตนจะคอยให้ข้อมูลและขั้นตอนการดูแลให้ นอกจากนี้สำหรับนกกระทาอายุ 1 ปีครึ่งที่ถึงเวลาปลดระวาง ตนก็จะมีพ่อค้ามารับเพื่อนำไปแปรรูปในราคาตัวละ 15 บาท จะเห็นได้ว่าทุกอย่างของนกกระทาสามารถสร้างรายได้ ได้หมดเลย

นอกจากฟาร์มนกกระทาแล้ว นายสมนึกยังใช้พื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำมูลนกกระทาและมูลไก่นำไปตากแห้ง และนำไปใช้เป็นปุ๋ยบำรุงสวนผลไม้ ปัจจุบันปลูก ฝรั่งพันธุ์หงเป่าสือ ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากไต้หวัน รสชาติหวาน กรอบ ขายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท โดยใช้ช่องทางตลาดออนไลน์ในชุมชน ทำให้สินค้าขายดีจนแทบไม่พอขาย ซึ่งทุกตารางนิ้วของพื้นที่บ้านเกือบ 1 ไร่ ถูกจัดสรรปันส่วนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น แปลงกล้วยหอมทอง บ่อเลี้ยงกบ และสวนผักนานาชนิด ที่สามารถเก็บกินได้เอง ลดค่าใช้จ่าย และสร้างความมั่นคงทางอาหาร

เรื่องราวของนายสมนึกเป็นตัวอย่างที่ดีของแนวคิด "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่เน้นการพึ่งพาตนเอง ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างความมั่นคงให้ชีวิต จากวิกฤตทางสุขภาพ สู่การเป็นเกษตรกรที่มีรายได้มั่นคง ทั้งยังช่วยให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น "สุขภาพที่ดี เศรษฐกิจที่มั่นคง และสังคมที่เข้มแข็ง" คือสิ่งที่นายสมนึกได้รับจากการลงมือทำ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่กำลังมองหาแนวทางสร้างชีวิตที่ยั่งยืนแบบพอเพียง

สำหรับใครที่สนใจหาช่องทางการสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ด้วยการเลี้ยงนกกระทา สามารถติดต่อซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไปทดลองเลี้ยงได้ โดยตนจะคอยให้คำแนะนำ สามารถติดต่อได้ที่ นายสมนึก พรหมสูง โทร 086-9292156