
17 ต.ค. 2568 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิษณุโลกรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น – 07.30 น. บรรยากาศยามเช้าที่เมืองพิษณุโลกมีปรากฏการณ์หมอกหนาลงมาปกคลุมเหนือแม่น้ำน่านในหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณหน้าวัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร แม่น้ำน่าน ถนนสายต่างๆ อุณหภูมิยามเช้าที่เมืองพิษณุโลกอยู่ที่ 26 องศา
ประชาชนที่ใช้ชีวิตยามเช้าได้สัมผัสหมอกกลางเมืองครั้งแรกของปี บางคนตื่นตาตื่นใจจอดรถถ่ายภาพเก็บไว้กันจำนวน เนื่องจากในปีถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัส และคาดว่าเป็นการส่งสัญญาณเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูหนาว สายหมอกได้ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงปกคลุมเหนือแม่น้ำน่าน เป็นบรรยากาศที่งดงามมากๆ
ขณะที่รายงานจากพยากรณ์สภาพอากาศจังหวัดพิษณุโลก พบว่า ช่วงเช้าจะมีหมอกและน้ำค้าง แต่ในช่วงเวลา 12.00 – 15.00 น. จะมีเมฆมากและมีฝนตก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พยากรณ์ 10 วันล่วงหน้า ฝนลดลง เตรียมรับลมหนาวได้เลย
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม.:(นับตั้งแต่ 07.00น. ถึง 07.00น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 850hPa (1.5 กม.)10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 10-19 พ.ย. 68
อุตุฯ เตือนฝนฟ้าคะนอง 34 จังหวัด ยัน 'ไต้ฝุ่นฟงวอง' ไม่เข้าไทย
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านตะวันตกของภาคเหนือและประเทศเมียนมา
เอ็งกอวังทองนำขบวนสมโภช ’เจ้าแม่ทองคำ-เจ้าแม่ทับทิม‘ คึกคักทั่วตลาด
พิษณุโลกจัดพิธีสมโภชเจ้าแม่ทองคำ-เจ้าแม่ทับทิมประจำปี 2568 ขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่ เยาวชนกว่า 50 คนร่วมแสดง “เอ็งกอ” สืบสานศิลปะจีนโบราณ สร้างสีสันกลางตลาดวังทอง
ประกาศฉบับ 14 อัปเดต 'พายุคัลแมกี' ศูนย์กลางอยู่พิบูลมังสาหาร
นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “คัลแมกี” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 14 (334/2568) โดยมีใจความว่า
มาไวกว่าที่คาด! 'พายุคัลแมกี' เข้าไทยแล้ว ความเร็ว 30 กม./ชม.
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตเส้นทางพายุ "คัลแมกีว่า เมื่อเวลา 07.00 น. "คัลแมกี" อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชันอยู่ที่เมืองจำปาสักตอนล่าง ประเทศลาว คาดจะเข้า อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
ประกาศฉบับ 12 ไต้ฝุ่น 'คัลแมกี' อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนแล้ว
นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “คัลแมกี” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 12 โดยมีใจความว่า

