
เทศกาลสงกรานต์ใกล้เข้ามา ช่วงเวลาแห่งความสุขของคนไทย ผู้ที่เดินทางมาแสวงหาโอกาสขุดทองในเมืองกรุง หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ ได้เวลากลับภูมิลำเนา ไปรดน้ำดำหัว ขอพรผู้มีพระคุณ ผู้เฒ่าผู้แก่ บิดามารดา ร่วมประเพณีท้องถิ่น งานบุญ พร้อมทั้งสังสรรค์ในกลุ่มญาติสนิทมิตรสหาย
แต่จากภาวการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด อยู่ในสถานการณ์ไว้วางใจไม่ได้ บรรยากาศแห่งความสนุกสนานรื่นเริงแบบไทยๆ ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ถูกโควิดแตะเบรก ทำให้ประเพณีรื่นเริงที่จะต้องมีผู้คนมารวมตัวกันมากๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจึงต้องงดเอาไว้ก่อน ถึงช่วงเวลาแห่งความสุข เฉลิมฉลองกันแบบไทยๆ ในส่วนของสถานการณ์ทางการเมือง แม้บรรยากาศโดยทั่วไปเข้าสู่โหมดหยุดพักไว้ชั่วคราว แต่นาทีนี้ เรื่องร้อนๆทางการเมืองใช่จะพักเบรก ลดอุณหภูมิร้อนแรงลงไป โดยเฉพาะเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคา หรือหวยแพง
ทำท่าจะกลายเป็นหนังเรื่องยาว ปมการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ที่เป็นปัญหามาช้านาน เป็นทั้งเรื่อง ตลกร้ายทางสังคม และตลกร้ายทางการเมือง ในทางสังคม มีแค่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานสลากฯ ไม่กี่คน วันดีคืนดีแต่งกายเต็มยศขนคณะเจ้าหน้าที่ลุยไปย่าน แผงค้าสลากบางแห่ง ไปซื้อสลาก แล้วกลับมาบอก สลากไม่แพง
ในความเป็นจริงที่ปรากฏ ไปสอบถามชาวบ้านผู้ที่นิยมการแสวงโชค ในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง ราคาหน้าสลาก 80 บาท แต่กลับต้องควักเงิน 100 บาท เพื่อได้สลากหนึ่งใบมาครอบครอง ยังไม่นับรวมเลขรวมชุด 2 ใบ 3 ใบ 5 ใบ 10 ใบ 15 ใบ ที่ราคาดีดพุ่งไปสูง เกินกว่าราคาหน้าสลากที่กำหนดไปมาก โดยเฉพาะเลขรวมชุดใหญ่ตั้งแต่ 10 ใบขึ้นไป ที่ขายกันตามเพจบางเพจในเฟซบุ๊ก ราคาพุ่งสูงโอเวอร์เกินกว่าความเป็นจริงเป็นอย่างมาก
ภาคการเมือง รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ ตั้งแต่ในยุครัฐบาล คสช. ทำขึงขัง แก้ปัญหากันพอเป็นพิธี ราคาหวย กลับมาราคาปกติ แค่เพียงไม่กี่งวด แต่พอเรื่องราวค่อยๆ เงียบหาย ทำให้ ราคาสลากกลับเข้าสู่ภาวะเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าขึงขังเอาจริงอีกครั้ง ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ โดยมี อำนาจ หน้าที่
-ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล
-เสนอแนะแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่ง
-รายงานผลการดำเนินการ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี
-เชิญผู้แทนส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐและบุคคล เข้าร่วมประชุมชี้แจงข้อเท็จจริง ให้ข้อมูล รวมทั้งจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหา และให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสม
การลุยกวาดล้างหวยแพง มีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน จับมือ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ต่างรับลูก ลุยทำงานอย่างแข็งขัน ไปบุกสำนักงานเอกชนที่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลชื่อดัง อาทิ มังกรฟ้า, กองสลากพลัสดอทคอม, เสือแดงล็อตเตอรี่ออนไลน์ เป็นต้น ตั้งปมตั้งเป้าทันทีว่า ผู้ค้าเอกชนพวกนี้เป็นต้นเหตุทำให้หวยแพง
ก่อนหน้ากรรมาธิการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎร เคยตรวจสอบ เชิญผู้แทนสำนักงานกองสลาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ปปง. ดีเอสไอ รวมทั้ง ตัวแทนบริษัทเอกชนชื่อดัง มาให้ข้อมูล ตั้งปมสอบ เป็นต้นเหตุทำให้หวยแพงหรือไม่ ผลสรุปออกมา ไม่พบการกระทำผิดที่จะเล่นงานได้ หนำซ้ำยังเพิ่มความชอบธรรม ฟอกขาวให้แพลตฟอร์มออนไลน์
จากความพยายามแก้หวยแพง เรื่องนี้ ทำท่าจะบานปลายไปไกล ปรากฏคลิปเสียง เนื้อหาการสนทนาที่กล่าวอ้างว่าเป็นเสียงของนายเสกสกล และนางจุรีพร สินธุไพร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ออกมาในทำนองที่ว่า
แรมโบ้ขอยืมเงินจุรีพรที่กำลังจะไปจับกุมลอตเตอรี่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของเงินที่เคยยืมเพื่อนำมาให้ใช้เลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่ถ้าไม่นำเงินไปคืนนั้นอาจจะถูกเปิดเผยเรื่องนี้ ขณะที่นางจุรีพรบอกจะไปยืมเงินกับอีกบุคคลมาให้ แลกกับการให้ แรมโบ้ช่วยเข้ามาดูแลเรื่องโควตา ลอตเตอรี่ของบุคคลคนนี้ให้ด้วย
พลันคลิปเสียงถูกเผยแพร่ในวงกว้าง นายเสกสกลไปฟ้องแก้เกี้ยว อ้างว่าเป็นการพูดเล่นกับนางจุรีพร พร้อมกับโวยวายว่าเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง และได้ไปฟ้องนายกิ๊ก บุคคลที่ถูกอ้างว่าเป็นคนอัดเสียงการสนทนา
นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช หรือ กิ๊ก วันพอยท์ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สะพานสูง กทม. พรรคเพื่อไทย ถูกลากโยงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นายณณัฏฐ์ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีการต่อจิกซอว์ใหม่ นายกิ๊ก ที่ว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับเต็นท์รถ และรู้จักกับหนึ่งในสองผู้สนทนาในคลิปเสียงเป็นอย่างดี
คลิปเสียงจากที่ดูเหมือนเรื่องส่วนตัว แต่ในการสนทนามีการกล่าวอ้างไปถึง จำนวนเงินที่เคยนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เลยถูกตีความอาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หากมีการใช้เงินเกินกว่ากฎหมายกำหนด จะต้องถูกลงโทษทางการเมือง โดยมาตรา 73 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ระบุ ส.ส.มีโทษหนักถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง กำหนด 20 ปี
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ดำเนินการตรวจสอบคลิปเสียงสนทนาเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียกรับเงิน 15 ล้านบาท เพื่อไปใช้ในการเลือกตั้งระหว่างนายเสกสกล กับนางจุรีพร
"สิ่งที่ปรากฏในคลิปเสียงน่าจะเข้าข่ายความผิด ทั้งการทุจริตการเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง จึงได้นำคลิปการสนทนา พร้อมถอดเทปแบบคำต่อคำมามอบให้ รวมถึงบันทึกข้อสังเกตเรื่องแนวทางกฎหมาย รวมถึงบทลงโทษ การยื่นหนังสือต่อ กมธ.ป.ป.ช. เป็นช่องทางหนึ่งตามกฎหมายที่สามารถทำได้ และยังสามารถไปยื่นที่สำนักงาน ป.ป.ช. หรือ กกต.ได้"
ขณะที่กรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาฯ เพิ่งแต่งตั้งประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ให้เข้ามาเป็นประธานอนุกรรมาธิการสอบสวนคลิปฉาว พร้อมกับตั้งแท่นจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด นายเสกสกล นางจุรีพร นายกิ๊ก มาให้ข้อมูลหลังเทศกาลสงกรานต์
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ออกมาปกป้องเสกสกลว่า
"เรื่องนี้เป็นคดีแล้วหรือยัง แล้วเขาทำผิดทำถูกพิสูจน์ได้หรือยัง ไม่ได้แก้ตัวแทนเขานะ เพียงแต่เห็นว่า ก็เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบไปใช่หรือไม่ ก็ต้องไปดูว่าที่ทำมาทำอะไรได้ถึงไหน เมื่อมีกรณีนี้ขึ้นมา เขาก็ยอมรับในกระบวนการตรวจสอบ ก็เป็นเรื่องของกรรมาธิการสภาฯ ที่จะตรวจสอบ ก็ตรวจสอบตามหลักฐานข้อเท็จจริงไป และกรรมาธิการก็ต้องตรวจสอบตัวเองด้วย ทุกคนที่มีคดีอยู่ทั้งหมดนั่นแหละ"
ในมิติการเมือง ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการจะล้างมาเฟีย กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ที่ได้รับผลประโยชน์จากการรวบโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำให้มีกระสุนดินดำอู้ฟู่ นำเงินมาดำเนินกิจกรรมการเมือง กวาดต้อน ส.ส.ให้ไปเข้าร่วมงาน มีปัจจัยสะสมเป็นทุน มือเติบ หน้าใหญ่ถึงขนาดเคย ช็อปปิ้ง ส.ส.ในพรรคเดียวกัน ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ พร้อมกับจับมือ พรรคฝ่ายค้าน ถึงขนาดจะ ปล้นอำนาจกลางสภาก็เคยทำมาแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ เสือตัวใหญ่บางตัว พลิกขั้วกลับด้าน ตั้งตนเป็น ปรปักษ์กับรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเห็นได้ชัด เป็นทั้งเสี้ยนหนาม และ ศัตรูหัวใจ
อาจเป็นหนึ่งในเหตุผล ทำให้บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ กดปุ่มเอาจริงเอาจัง ส่งสัญญาณกวาดล้าง ‘มหกรรมตัดท่อน้ำเลี้ยง’ แต่ไปๆ มาๆ ในวันนี้ เกมเริ่มพลิก ที่อาจจะมีการวางหมาก เกมซ้อนเกม เรื่องวกกลับมา ย้อนเข้าตัว ปมคลิปเสียงแรมโบ้ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวระหว่างบุคคล เพราะมันกำลังถูกต่อยอด เชื่อมต่อจิกซอว์ ขยายผลให้เป็นการเมืองระดับชาติ
อันเกี่ยวพันไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ และชะตากรรม ความเป็นพรรคการเมืองของพรรคพลังประชารัฐเลยทีเดียว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
‘สุรเดช’ รับคำสั่ง ‘ลุงป้อม’ คุมภาคเหนือ ลั่นสู้ศึกเลือกตั้งด้วยผู้สมัครเกรด A
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ภาคเหนือว่า ตนได้รับมอบหมายจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ดูแล
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก


