‘พปชร.’ มีกระสุน แต่ไร้กระแส เลือดไหล-เคว้งคว้าง เพราะไม่ชัดเจน

มากกว่า 1 ครั้งที่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ยอมรับกับสื่อมวลชนว่า เป็นรองพรรคเพื่อไทย แต่ในขณะเดียวกัน เวลาพูดกับลูกพรรค ‘บิ๊กป้อม’ กลับย้ำว่า เลือกตั้งครั้งหน้าพวกเขาจะได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 150 ที่นั่ง 

ถอดสมการข้างต้น พออนุมานได้ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐรู้ตัวว่ายังแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่ยังสามารถกลับมาเป็นรัฐบาลได้   

เพราะโดยข้อเท็จจริง จำนวนเก้าอี้ 150 ที่นั่ง ไม่ใช่จำนวนของพรรคการเมืองอันดับ 1 แน่นอน แต่สามารถเป็นฐานในการก่อตั้งรัฐบาลได้ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์  

เหมือนกับครั้งก่อนที่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.มากที่สุด แต่รวมเสียงแข่งกับพรรคพลังประชารัฐอันดับ 2 ไม่ได้  

หากเป็นอย่างนี้แสดงว่า พรรคพลังประชารัฐไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ได้ ต่อให้ใช้กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่ตัวเองช่ำชองก็ตาม 

ส่วนหนึ่งที่มีการมองอย่างนั้นกันเพราะคิดว่า พรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะกวาดฐานมั่นคือ ภาคอีสานและภาคเหนือได้หมด หลังหลายพื้นที่ถูกพรรคภูมิใจไทยเจาะยาง ประกอบกับวันนี้พรรคเพื่อไทยมีตัวตัดคะแนนอย่างพรรคก้าวไกล 

ในการแบ่งเขตใหม่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส.ส.ภาคอีสานจะมีจำนวน 132 คน ภาคเหนือ 39 คน และภาคกลาง 122 คน ถ้าจะแลนด์สไลด์ พรรคเพื่อไทยต้องไม่หลุดในภาคเหนือและอีสานเลย เพื่อให้เสียงไปแตะเกือบ 200 ที่นั่ง แล้วไปบวกๆ กับภาคกลาง และ กทม.ในบางส่วน 

เรื่องแลนด์สไลด์อาจดูเหมือนง่าย หากวัดความนิยมของพรรคเพื่อไทยในอีสาน แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้พรรคภูมิใจไทยจะยังเป็นมวยคนละไซส์กับพรรคเพื่อไทยในอีสาน แต่จุดที่พรรคภูมิใจไทยเข้าไปเจาะ ล้วนแต่เป็นพวก ‘บ้านใหญ่’  

เวลาเสียงหายไม่ได้หายแค่ 1 ที่นั่ง แต่หายเป็นพวง กระจุกๆ อยู่หลายพื้นที่ หากพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ ไปหารพรรคเพื่อไทยมาได้สัก 20-30 ที่นั่ง แผนการแลนด์สไลด์ที่ต้องได้มากกว่า 250 ที่นั่ง เพื่อหาความชอบในการฝ่าด่าน ส.ว.จะยากขึ้นทันที  

การจะไปเอามาจากพื้นที่อื่น โดยเฉพาะภาคใต้ที่คราวหน้ามี ส.ส. 58 ที่นั่ง แทบไม่ต้องคาดหวังเลย เพราะหลายปีแล้วที่พรรคเพื่อไทยเจาะไม่ได้  

แต่อย่างไรก็ดี กลับไปที่ 150 ที่นั่ง เป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ ต้องยอมรับว่ายากพอๆ กับยุทธการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน  

ในการเลือกตั้งครั้งก่อนพรรคพลังประชารัฐได้ 116 ที่นั่ง หลายคนมองว่า นั่นคือจุดพีกที่สุดของพรรคพลังประชารัฐที่ยากจะกลับไปจุดเดิมได้อีก 

ครั้งนั้น กระแสของ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังไม่ได้แย่ขนาดนี้ ประกอบกับมีพลังวิเศษที่เข้ามาช่วยให้งานของพรรคพลังประชารัฐง่ายขึ้น แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป  

ขนาด ‘บิ๊กป้อม’ มั่นใจจะได้ 150 ที่นั่ง แต่ยังปรากฏข่าวคราว ‘ลูกพรรค’ ทะลักไหลไปอยู่กับพรรคอื่นต่อเนื่อง บางรายเก็บข้าวเก็บของรอเวลาแล้ว  

ขณะที่รังใหม่ที่ ส.ส.เหล่านี้จะย้ายไปก็ไม่ใช่พรรคขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น ‘ภูมิใจไทย’ หรือแม้แต่พรรคเกิดใหม่อย่าง ‘สร้างอนาคตไทย’ 

มันพอจะบ่งบอกได้ว่า ไม่มีใครเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะกลับไปเป็นเหมือนตอนปี 2562 อีกแล้ว 

แล้วหาก ‘บิ๊กป้อม’ มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จอีก คงไม่ต้องลงมือกล่อมหรือฮึ่มใส่ ส.ส.ที่คิดจะย้ายรังกลางที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 

ส่วนหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐอยู่ในสภาพแบบนี้คือ ความไม่ชัดเจนระหว่าง 2 พี่น้อง ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ ว่าจะเอาอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะหลายคนมองว่า พี่น้องยังคงเล่นเกมกันอยู่ 

 ความไม่ชัดเจนทำให้พรรคขาดทิศทาง ส.ส.เคว้งคว้างจึงจำเป็นต้องหาหลักที่มั่นคงกว่า  

อีกเรื่องคือ พรรคยังไม่ยอมปรับตัว ในทางการเมืองเรื่องเสียงสภาฯ อาจจะชนะฝ่ายค้าน แต่ ‘การตลาด-โซเชียลมีเดีย’ แพ้ราบคาบให้กับฝั่งนั้น และนั่นทำให้ ส.ส.เดินยากในพื้นที่ เพราะกระแสสู้ไม่ได้ 

จริงอยู่ ‘กระสุน’ ของพรรคพลังประชารัฐอาจเหนือกว่าพรรคอื่น แต่หากไม่มี ‘กระแส’ เลยก็ลำบาก  

วันนี้อาจเห็นเค้าลางบ้างว่า พรรคพลังประชารัฐเริ่มจะตื่นจากการเตรียมจัดโรดโชว์ตามภาคต่างๆ หรือ ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่ต่อเนื่อง แต่ฟีดแบ็กยังแตกต่างกับอีกฝ่ายค่อนข้างเห็นได้ชัด  

ที่สำคัญ ไม่รู้ว่ามันช้าไปแล้วหรือไม่!. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คณะก้าวหน้า-ธนาธรปักธง "สว.สีส้ม" แชร์เก้าอี้สภาสูง

การเมืองช่วงเดือนพฤษภาคม วาระสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ การได้มาซึ่ง วุฒิสภา-สภาสูง ชุดใหม่ ที่จะมาแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่

'สมศักดิ์' บอกให้เกียรตินายกฯ ตัดสินใจเรื่องเก้าอี้!

'สมศักดิ์' ไม่หลุดปากมีชื่อนั่ง รมว.สาธารณสุข วอนให้เกียรตินายกฯเป็นคนตัดสินใจ ระบุ รมต.เก่าไม่ต้องกรอกประวัติใหม่ ไม่ขอตอบพร้อมไป สธ.หรือไม่ แต่นั่งมาแล้ว 2 ครั้ง เผย 'อนุชา' สบายดี แม้มีข่าวถูกปรับออก