สูตรหาร 500 แนวร่วมเพิ่ม ปชป.เตรียมตอบ กลับไปกลับมา

วันนี้ และพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) มีประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ....ต่อจากคราวที่แล้วที่ติดอยู่ที่มาตรา 169/1 และเมื่อพิจารณาครบทั้ง 172 มาตรา ที่ประชุมจะร่วมกันถกร่างกฎหมายที่สำคัญในวาระ 2 และวาระ 3 อีก 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว

ขณะนี้กำลังมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกรัฐสภา ในประเด็นการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่า เมื่อรวมผลคะแนนทั้งหมดที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อทั้งประเทศแล้ว จะหารด้วย 100 หรือ 500 กันแน่

โดยคณะ กมธ.ยืนตามร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเลือกตั้ง ส.ส.ที่ที่ประชุมรัฐสภาได้รับหลักการไว้ในวาระที่ 1 โดยเสนอแก้ไขมาตรา 128 ให้หารด้วย 100 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กำหนดให้การคำนวณเป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรง

ที่ผ่านมากระแสหารด้วย 100 ค่อนข้างนิ่ง แม้ “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ จะพูดปากเปียกปากแฉะจะเอาหารด้วย 500 ไม่เห็นด้วยกับหารด้วย 100

จนกระทั่งใกล้เวลาที่ร่างกฎหมายลูกจะเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมายอมรับเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า “มี ส.ส.ของพรรคบางส่วนต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์พิจารณาให้ลงมติให้ใช้วิธีหารด้วย 500”

ที่นี้ก็ทำให้ความหวังหารด้วย 500 จากที่ลมๆ แล้งๆ กลายเป็นมีแนวร่วมมากขึ้น แต่จะมากถึงขนาดล้มหารด้วย 100 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับกำลังฝ่ายในของ 2 ป. ระหว่าง “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ป.ประยุทธ์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  

เมาธ์กันทั้งแวดวงรัฐสภา เรื่องนี้พี่น้อง 2 ป. เขาเห็นไม่ตรงกัน “รองประวิตร” อยากได้หารด้วย 100 ส่วน “นายกฯ ตู่” อยากได้หารด้วย 500 ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ณ วันนี้ “พล.อ.ประวิตร” เสียงอ่อยหรือไม่ เพราะดูเหมือนเวลานี้ขั้วฝั่งตรงข้ามจะมีคะแนนนิยมมากกว่า ฉะนั้นอาจพลิกตัวส่งสัญญาณไฟเขียวหาร 500 ในนาทีสุดท้าย

เช็กเสียงฝ่ายที่ไม่เอาหารด้วย 100 หากยังจำกันได้สมัยที่คณะ กมธ.วิสามัญโหวตเรื่องนี้ พบว่า 32 เสียงเห็นด้วย ให้หารด้วย 500 และมี 11 เสียงไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย นพ.ระวี, สมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.สัดส่วนจากพรรคเสรีรวมไทย พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ ส.ว., กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ ส.ว., พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ส.ว., สุวรรณี ศิริเวชชะพันธ์ ส.ว., วรารัตน์ อติแพทย์ ส.ว., ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม ส.ว., พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว., กิตติ วะสีนนท์ ส.ว. และ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.

อย่างไรก็ตาม กมธ.เสียงข้างน้อยบางส่วนได้ขอสงวนความเห็นไปอภิปรายโน้มน้าวเพื่อนสมาชิกที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ให้เห็นด้วยกับการหาร 500 ด้วย ได้แก่ กิตติ, พล.อ.อกนิษฐ์, พล.ต.อ.เฉลิมชัย, สมชัย, อัครเดช, นพ.ระวี, โกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท, พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย, มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน สรุปยอด กมธ.เสียงข้างน้อย มีประมาณ 16 เสียง

งานนี้ ส.ส. ส.ว.คนใดที่เคยลงมติเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 แต่รอบนี้จะเอาสูตรหารด้วย 500 คงต้องเตรียมตัวตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าทำไมความคิดถึงกลับไปกลับมา โดยเฉพาะกับ “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะที่เป็นผู้เสนอแก้ไขด้วยตัวเอง

ทิ้งท้ายฝากไว้เป็นข้อมูล เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา เคยบรรยายพิเศษ เรื่อง 90 ปี รัฐสภาไทย การเดินทางและความหวัง ตอนหนึ่งเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งว่า “ปี 2562 มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการคิดคะแนน ทูตเยอรมนีมาคุยเรื่องระบบเลือกตั้งกับผม บอกว่าที่ไทยใช้อยู่ขณะนี้ เยอรมนีเคยใช้ แล้วมีปัญหาในด้านความมั่นคงของรัฐบาลและพรรคการเมือง จึงกลับไปใช้แบบที่ไทยได้ยกเลิกไป”. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)