
คดี ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ บัวแย้ม หรือ เจ๊นุช โดยอ้างว่าเป็นภรรยาน้อยของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ลงมือทุบตีทำร้ายร่างกาย ส.ต.หญิงปัทมา ศิริรัตน์ ซึ่งเป็นทหารรับใช้ในบ้าน และต่อมาพบว่าการเข้ารับราชการตำรวจไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ มีการยกเว้นเพื่อให้ “เจ๊นุช” ได้เป็นตำรวจ
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่ามีชื่อไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แต่ปรากฏว่าไม่เคยไปอยู่ในพื้นที่ และความจริงเจ้าตัวอยู่ที่จังหวัดราชบุรีจนเกิดเหตุฉ่าวโฉ่ถึงวันนี้
เรื่องดังกล่าวกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในหลายแง่มุม ตั้งแต่เป็นตำรวจมีทหารรับใช้ได้อย่างไร ส.ว.เป็นสามีของ “ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์” จริงหรือไม่ และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ “ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์” ได้เป็นตำรวจ อีกทั้งผลักดันให้ชื่อสาวเจ้าไปช่วยราชการทหารอีก แต่นั่งกินนอนกินภาษีประชาชนอยู่ที่จังหวัดราชบุรี
เวลาเดียวกันก็มีชื่อมีตำแหน่งในคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา รับเบี้ยประชุมอีกเด้ง ทั้งยังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เมื่อเดือน ม.ค.64
เมื่อความลับไม่มีในโลก ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม สังคมถึงบางอ้อ หลังจากอึมครึมมานานว่าสามีเจ๊นุชที่กล่าวอ้าง อักษรย่อ “ธ” คือใคร เมื่อ “เดอะแจ๊ค” วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ถ่ายรูปป้ายที่สลักชื่อ “กรศศิร์ กับธานี” คู่กัน ติดไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้สนับสนุนปัจจัยในการซ่อมบำรุงศาลาวัด
วันเดียวกัน เมื่อชื่อแดงขึ้น “ธานี อ่อนละเอียด” ส.ว.ที่ตกเป็นข่าว ออกหนังสือชี้แจงว่านายธานีหย่าร้างมาเกือบ 30 ปีแล้ว ตอนนี้โสด แต่ยอมรับว่าเคยสนิทสนมกับ ส.ต.ท.กรศศิร์ และได้ขาดการติดต่อกันมานานแล้ว
ส่วนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการทำร้ายร่างกายกันของผู้หญิง 2 คน มีการดำเนินคดีกันที่ศาลจังหวัดราชบุรีนั้น เป็นข้อพิพาทของบุคคล 2 คน ส่วนตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจ
อย่างไรก็ตาม สำหรับการกล่าวหาว่าได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลายสถาบันหลายองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันวุฒิสภานั้น นายธานีระบุว่า คงต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจริยธรรมของวุฒิสภา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ พร้อมแสดงข้อเท็จจริงต่อกระบวนการตรวจสอบ หากคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมของทั้ง 2 หน่วยงานมีมติประการใด
งานนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงไม่อาจปฏิเสธการสอบจริยธรรมได้เลย คือ ป.ป.ช. และคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานคณะกรรมการ โดยก่อนหน้าออกมาแบะท่าราวว่าจะ “ยก” คำร้องของวัชระ โดยอ้างว่าไม่ได้ระบุตัวบุคคลจะให้สอบ ส.ว.คนใด
นาทีนี้ “พล.อ.สิงห์ศึก” คงต้องใช้ความตรงไปตรงมาเป็นที่ตั้งในการสอบข้อเท็จจริง เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของวุฒิสภา และต้องสะสางข้อสงสัยให้กระจ่างว่า “ธานี” ได้ใช้อำนาจหน้าที่ ส.ว. อำนาจ สนช.ในทางมิชอบ เพื่อช่วย ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ หรือไม่ อย่างไร
หากยังปล่อยให้คลุมเครือ สังคมจะตราหน้ากว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการปล่อยให้ ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ได้รับเครื่องราชฯ ช่างน่าละอาย เหนือสิ่งอื่นใด “พรเพชร วิชิตชลชัย” ในฐานะหัวเรือใหญ่วุฒิสภา ก็ต้องรับผิดชอบ จะคิดว่าไม่ใช่เรื่องตนคงไม่ได้เช่นกัน
เท่านั้นไม่พอกลไก “คณะกรรมาธิการ” ยังออกมาเคลื่อนไหว โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ย. คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญกองบัญชากองทัพไทย และกองรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าชี้แจงต่อคณะ กมธ.
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ ก็จะได้ออกหนังสือเชิญ ส.ต.หญิงปัทมา มาให้ข้อมูล และยังตั้งเป้าเชิญผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ 1.นายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. 2.พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ส.ว. และประธานคณะ กมธ.ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ในฐานะอดีตประธาน กมธ.การกฎหมายฯ สนช. ที่ลงชื่อแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ เป็นที่ปรึกษา กมธ.การกฎหมายฯ สนช. และ 3.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต กมธ.การกฎหมายฯ สนช.เข้าให้ข้อเท็จจริงต่อคณะ กมธ.ด้วย
เส้นทางการอุ้ม ส.ต.ท.หญิงรายนี้จนได้ดีในวงราชการเมื่อเทียบกับชีวิตเก่าของเธอ สะท้อนถึงระบบ อุปถัมภ์ของไทย ความรู้ความสามารถ ไม่ถึง คุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์ แต่ขอเพียงเป็นพวกพ้องเดียวกัน มีคนใหญ่คนโต คนมีสีอยู่เบื้องหลังผลักดัน อยากได้อะไรก็ย่อมได้ และยังมีลักษณะเช่นนี้อีกจำนวนมาก
ระบบอุปถัมภ์ คือจุดเริ่มต้นของการทุจริตทั้งปวง ยิ่งนานวันระบบดังกล่าวยังฝังลึกอยู่ทุกวงการในประเทศ ทำให้ราชการไทยเสียหายและฟอนเฟะขึ้นทุกวัน หากไม่รีบสะสางให้เกิดความเป็นธรรม ยิ่งจะทำให้สังคมไทยล้าหลังลงเรื่อยๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

