ปล่อยผี 3 พี่น้องตระกูลชิน ‘ดีลลับ’ พปชร.-พท.ส่งกลิ่น

ก่อนหน้านี้เป็นคดีที่หลายคนจับตา สำหรับคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 ในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  

เนื่องจากมีตัวละครสำคัญ คือ 2 อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงคนในตระกูลชินวัตรอีกคน คือ ‘เจ๊แดง’ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย 

ความน่าสนใจของคดีนี้ยังอยู่ที่การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กัน ‘ผู้ถูกกล่าวหา’ ในคดีทุจริตจีทูจีภาคแรกอย่าง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่อยู่ระหว่างจำคุกเป็น ‘พยาน’  

มิเพียงเท่านั้น ก่อนจะมีบทสรุปของคดี มีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาทำนองว่า ป.ป.ช.มีหลักฐานเด็ดที่ได้มาจากการซัดทอดเป็น ‘เทปลับ’ ในลักษณะของการ ‘สั่งการ’  

คดีนี้ถูกมองว่ามีนัยสำคัญทางการเมือง หาก 3 ตัวละครที่ถูกกล่าวหาอย่าง 3 พี่น้องตระกูล ชินวัตร ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา’ ถูกชี้มูล ซึ่งมันส่งผลต่อพรรคเพื่อไทย ที่กำลังชั่งใจว่า จะชูคนในตระกูล ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่  

อีกทั้งยังจะส่งผลต่อองคาพยพที่ต้องกลับมานั่งประเมินสถานการณ์วันข้างหน้า ว่าถ้าปักหลักอยู่กับพรรคเพื่อไทยยังมีอนาคตอยู่หรือไม่  

ขณะเดียวกัน คดีดังกล่าวยังมาคาบลูกคาบดอกในช่วงปลายสมัยรัฐบาล และก่อนจะเกิดการเลือกตั้งไม่กี่เดือน จึงทำให้ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ  

และเดิมที ‘บิ๊กกุ้ย’ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.หมายมั่นปั้นมือจะนำวาระดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมในสิ้นเดือนพฤศจิกายน แต่สุดท้ายเจอ ‘โรคเลื่อน’ ไป 2 สัปดาห์ พร้อมกับให้เหตุผลว่า เอกสารมีจำนวนมาก  

กระทั่งมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ก่อนจะมีมติชี้มูลระดับเลขานุการรัฐมนตรี อธิบดี และเอกชน ซึ่งเป็นตัวละครเดิมที่เคยถูกชี้มูลในภาคแรกทั้งหมด  

ส่วน ‘เทปลับ’ ที่หลายคนจับตา กลายเป็นว่าสุดท้าย ‘ไม่มี’ ขณะที่ 3 พี่น้องตระกูลชินวัตรถูกตีตกหมด โดยกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างมากให้เหตุผลว่า ชื่อเหล่านี้ถูกตีตกมาตั้งแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดที่มี นายวิชา มหาคุณ เป็นผู้รับผิดชอบแล้ว การมาชี้มูลในภาคนี้จึงย้อนแย้งกัน                                        

การตีตกชื่อของ 3 พี่น้องตระกูลชินวัตร ถูกขมวดเข้ากับประเด็นทางการเมืองทันที โดยเฉพาะเรื่องกระแสข่าว ‘ดีลลับ’ ระหว่าง ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ ‘บิ๊กพรรคเพื่อไทย’ เพื่อจับมือกันในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า   

ช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวดังกล่าวออกมาอย่างหนาหูว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องพึ่งพรรคพลังประชารัฐของ ‘บิ๊กป้อม’ ที่มีออปชันเสียง ส.ว.พ่วงมา เพื่อให้เพียงพอต่อการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 

ไม่เพียงเท่านั้น ยุทธศาสตร์การทำพรรคพลังประชารัฐในปัจจุบันภายหลังไม่มี ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมแล้ว ได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น ‘ไซส์เอสเอ็มอี’ ที่พร้อมจะเป็นตัวแปรได้ในทุกขั้ว 

หากขั้วเก่ารวบรวมเสียงไม่เพียงพอ ‘บิ๊กตู่’ ไปต่อไม่ได้ พรรคพลังประชารัฐจะยังสามารถไปต่อทางการเมืองได้ เพราะกุญแจ ส.ว.อีกหนึ่งดอกอยู่ที่ ‘พี่ใหญ่’ 

นอกจากนี้จะเห็นว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะโจมตีรัฐบาล รวมไปถึง ‘บิ๊กตู่’ แต่กลับไม่เคยแตะต้อง ‘บิ๊กป้อม’ ในทางเสียๆ หายๆ เลย ประหนึ่งเกรงใจ 

เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตีตก 3 คีย์แมนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย มันจึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการ ‘ทอดไมตรี’ ต่อกันหรือไม่ 

อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ภายใต้การนำของ ‘บิ๊กกุ้ย’ ถูกจับจ้องมาตลอดว่า มีความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทของคนตระกูลวงษ์สุวรณมาโดยตลอด

จึงยากที่จะไม่ถูกจับเชื่อมโยงว่า มีอะไรอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้หรือไม่.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)