เฝ้าระวังชายแดนช่วง 'ปล่อยผี' เสริมกำลังสกัดเชื้อกลายพันธุ์

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ “โอไมครอน” กำลังสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลหลายประเทศทบทวนมาตรการเปิดประเทศกันอย่างจริงจัง โดยเพิ่มความเข้มข้นในกระบวนการคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19

แต่ด้วยสถานการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์ และยังไม่มีการเปิดด่านชายแดนให้คนเดินทางเข้า-ออกอย่างเสรี ยกเว้นการขนส่งสินค้า ทำให้มีผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิด กม. ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ชั้นในจำนวนมาก เพราะยังมีออเดอร์จากผู้ประกอบการ และภาคบริการที่ต้องการลูกจ้างมาช่วยทำงานในช่วงนี้

ทำให้รัฐบาลกังวลเรื่องการเคลื่อนไหวของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรอง โดยหลบหนีเข้ามาทางชายแดนในช่องทางธรรมชาติ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะ กองทัพบก และ กอ.รมน. ตรึงกำลัง ตั้งจุดตรวจ ลาดตระเวนเพื่อสกัดกั้นการนำพาแรงงานเถื่อนเหล่านี้เข้ามาในประเทศ

 โดยเฉพาะชายแดนตะวันตกด้านล่าง ที่มีสถิติการจับกุมได้หลายร้อยคน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองกำลังสุรสีห์ ที่จัด 3 หน่วยเฉพาะกิจวางกำลังบริเวณตามแนวชายแดน ได้แก่ ฉก.ลาดหญ้า ฉก.ทัพพระยาเสือ และ ฉก.จงอางศึก โดยห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้ามาทางแนวชายแดนได้จำนวนมาก

เมื่อหันมาดูสภาพพื้นที่ซึ่งเป็นป่า ภูเขา มีหมู่บ้านชายแดนตั้งขนานกันเป็นจุดๆ ระหว่างไทยกับเมียนมาตลอดแนว ทำให้การปฏิบัติของกองกำลังป้องกันชายแดนต้องปรับยุทธวิธีให้ทันกับการวางแผนของขบวนการลักลอบขนแรงงาน ที่เฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เลยไปถึงการลาดตระเวน เหมือนเป็นการ “อ่านใจฝ่ายรัฐ” พร้อมกับหาข่าวการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ในการออกปฏิบัติงานทุกวัน

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดที่มีชายแดนทั้งทางบก-ทางน้ำที่ติดกับประเทศเมียนมาระยะทางค่อนข้างยาว กองกำลังสุรสีห์จึงมอบหมายให้ ฉก.จงอางศึก ดูแลชายแดนทางบก ระยะทาง 283 กม. พร้อมจัดวางแนวทางสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำหนดไว้ 3 แนวทาง ได้แก่ พื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ร่วมกับตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ต้นน้ำ แต่จะบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่น อาทิ ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)

เมื่อต้องเจอกับ การวางหมาก ของขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวที่ใช้วิธีหนีการตั้งจุดตรวจ เดินเท้าอ้อมพื้นที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ ไปพักคอยรอเวลาไปยังจุดนัดหมายเพื่อขึ้นรถไปยังพื้นที่ชั้นในส่งต่อไปยังผู้ประกอบการ

ทำให้ทางหน่วยนำแนวคิด สนามรบด้านการข่าว มากำหนดการปฏิบัติตั้งจุดตรวจแบบไม่ประจำที่ หรือ POP UP และทำการลาดตระเวนจรยุทธ์ ซุ่มเฝ้าตรวจ (พักค้างแรม) ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการแสดงกำลัง และบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของผู้กระทำผิดให้เข้าสู่พื้นที่เป้าหมายสนใจ

ตามนโยบายข้อเน้นย้ำของผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ในการมุ่งเน้นการปฏิบัติงาน เฝ้าตรวจระวังแบบ dynamic มากกว่าแบบ static ที่เป็นเป้านิ่ง โดยมีการปรับแผนการปฏิบัติในแต่ละวันเพื่อ ย้อนเกร็ด ขบวนการที่มักได้รับข่าวสารวงใน เพราะมี "เกลือเป็นหนอน" จากฝ่ายไทยเองปูดข่าวความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่

จากนั้นใช้ชุดข่าวที่หน่วยได้จัดตั้งไว้เข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่เป้าหมาย กรณีตรวจพบผู้หลบหนีเข้าเมือง ชุดข่าวจะทำการแจ้งให้ชุดเคลื่อนที่เร็วที่จัดเตรียมไว้เข้ามาดำเนินการจับกุม

ในปัจจุบัน ฉก.จงอางศึก จัดตั้งจุดตรวจแบบประจำที่ ตลอด 24 ชั่วโมง 15 จุด และจุดเฝ้าตรวจแบบไม่ประจำที่ตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนที่มอบหมายให้ในแต่ละวัน นอกจากนั้นยังวางเครื่องกีดขวางปิดกั้น เช่น รั้วลวดหนาม, ประตูเหล็ก, ไม้ไผ่ (ขวาก) ทั้งในช่องทางหลัก 34 ช่องทาง และช่องทางธรรมชาติ 8 ช่องทาง ที่ได้ร่วมบูรณาการจัดสร้างขึ้น ตั้งแต่เมื่อปี 2563

อีกทั้งเสริมยุทโธปกรณ์พิเศษ เช่น อากาศยานไร้คนขับ (dji PHANTOM 4 Pro), กล้องตรวจการณ์กลางคืน ชนิดตาเดียว รุ่น PVS-14, รั้วไร้สาย แบบสายดัก, เครื่อง GPS แบบพกพา ยี่ห้อ Garmin รุ่น eTrex 30, กล้องวงจรปิดไร้สาย แบบซิมการ์ด (เคลื่อนที่) ยี่ห้อ EZVIZ รุ่น CS-C3A, กล้องวงจรปิดไร้สาย แบบซิมการ์ด 4 ตัว แบบไม่มีซิมการ์ด 4 ตัว (ประจำที่) , ไฟส่องสว่าง สปอตไลท์ โซลาร์เซลล์

และจัดกำลังจากหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์ดีเอฟ จาก ร.19 พัน.3 จำนวน 2 หมวดชุดปฏิบัติการ และอีก 1 หมวดป้องกันชายแดนจาก กกล.สุรสีห์เพิ่มเติม ซึ่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก อนุมัติตามที่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด อนุมัติเพิ่มกำลัง 4 กองร้อยในการซีลชายแดนตั้ง

ส่งผลให้ช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2564 เพียงไม่ถึงสองเดือน มีการจับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น โดยในห้วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 2 เดือน มีการจับกุมทั้งสิ้น 36 ครั้ง จำนวน 933 คน เฉพาะเดือน พ.ย.จับกุมได้ 600 กว่าคน

จากข้อมูลพบว่า ในช่วง 2 เดือนดังกล่าวมีแรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามามาก เนื่องจากมติ ครม.ที่เปิดโอกาสให้แรงงานที่มีนายจ้างมาต่อเล่มทะเบียน สบช่องให้ต่างด้าวลักลอบเข้ามาทางชายแดน ทะลุทะลวงเข้ามาถึงมือผู้ประกอบการ เป็นการฟอกตัวเข้าสู่ในระบบ ซึ่งห้วงเวลาที่เปิดให้ลงทะเบียน คือ วันที่ 1 พ.ย.-30 พ.ย. (ขยายเวลาถึง 7 ธ.ค.64) และขั้นตอนต่อไป แรงงานกลุ่มนี้จะมีการจัดทำเอกสารพาสปอร์ตขึ้นทะเบียนที่ one stop service ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค.นี้ผ่านขั้นตอนต่างๆ กลายเป็นแรงงานถูก กม.ทันที

ทำให้ทุกคนที่อยู่ในขบวนการทั้งหมดยอมเสี่ยง ทั้งตัวแรงงานต่างด้าวเอง ขบวนการนำพา โบรกเกอร์ นายหน้า เพราะจากต้นทางถึงปลายทาง ต่างเต็มไปด้วยผลประโยชน์ ภายใต้การหลิ่วตาของเจ้าหน้าที่บางคน ในหน่วยงานรัฐให้มีการขึ้นทะเบียนจำนวนแรงงานในสถานประกอบการไว้มากกว่าจำนวนที่มีอยู่จริงแล้วไปหาคนมาเติม ซึ่งส่วนนี้ก็คือภาพต่างด้าวที่ทะลักเข้าไทยนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแรงงานที่นำเข้ามาตามเอ็มโอยู จะมีการตั้งศูนย์กักตัวที่จังหวัดตาก สระแก้ว หนองคาย ที่จะเปิดขึ้นในต้นปีหน้า ส่งผลให้ปริมาณแรงงานในระบบเพิ่มจำนวนมากขึ้น ในภาพรวมจึงคาดว่าสถานการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิด กม.จะลดน้อยลง เนื่องจากจำนวนแรงงานเพียงพอกับความต้องการในช่วงเปิดประเทศ

ได้แต่ลุ้นว่ากลุ่มที่เล็ดลอดเข้ามาฟอกขาวเหล่านี้จะไม่เป็นจุดแพร่กระจายเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศ!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)