อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศอีกครั้ง สำหรับ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ตอนนี้กำลังพาซอฟต์พาวเวอร์ผ้าขาวม้า และกระเป๋ากระจูดของไทย โกอินเตอร์ไปโชว์ไกลถึงยุโรป
จากการใส่เป็นผ้าพันคอระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2567 ณ นครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย
และเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมคู่ขนาน ณ กรุงปารีส และเมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ก่อนปิดท้ายเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็นทางการ ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 7-13 มีนาคม 2567
ทั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่รวมแล้ว 14 ประเทศ
และด้วยความที่ชีพจรลงเท้า นายกฯ นิด ที่ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตามที่เจ้าตัวเคยพูดไว้ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ทั้งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดรับฟังปัญหาประชาชน และติดตามโครงการต่างๆ ซึ่งในบางจังหวัดก็ไปซ้ำๆ เพื่อกำชับติดตามแก้ไขปัญหา หวังให้เห็นผลเป็นรูปธรรมให้ได้ เช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศได้ครึ่งปี นายเศรษฐาไปมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นมลพิษติดอันดับโลก
รวมถึงด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การดึงนักลงทุนมาไทยให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะส่งผลด้านการฟื้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของไทย ทำให้นายเศรษฐาเดินสายไปต่างประเทศแบบถี่ยิบไม่หยุดเช่นกัน ซึ่งระหว่างนี้เองที่ นายกฯ เศรษฐา ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ยุโรป ก็ได้มีเสียงวิจารณ์เกิดขึ้น ว่า ผ่านมากว่า 6 เดือน ไร้ผลงานที่เป็นรูปธรรม
“ยุ่งทั้งวัน บินทั้งวัน แต่ไม่มีผลงาน” ถึง “ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน” ซึ่งเป็นคำเปรียบเทียบการทำงานของนายเศรษฐา ที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยกขึ้นมา พร้อมระบุช่วงหนึ่งว่า
“เข้าใจวิธีการทำงานของคุณเศรษฐา เพราะเคยประกาศว่า จะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จึงจำเป็นต้องออกแอคชัน มีการเคลื่อนไหวให้สังคมเห็นว่าเป็นคนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจริงๆ ส่วนตัวยอมรับว่านายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขยัน แต่ความขยันนั้นไม่ได้หมายความว่า จะประสบความสำเร็จในการทำงานได้ ต้องขยันแล้วทำสำเร็จด้วย เพราะคนประเภทโง่แล้วขยัน ขงจื้อบอกว่าเป็นพวกที่อันตรายที่สุด”
นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างการทำงานด้านต่างๆ ในช่วงครึ่งปีของรัฐบาล ที่พยายามตีปี๊บหลายอย่าง แต่เหมือนจะไปไม่สุดสักผลงาน เช่น สินค้าการเกษตร ราคายางพารา ที่ยังปรับได้ไม่สูงพอเมื่อเทียบกับรัฐบาลก่อนๆ และยังมีการตั้งคำถามด้วยว่า การไปต่างประเทศบ่อยๆ ของนายเศรษฐาได้อะไรกลับมาให้ประเทศบ้าง?
ที่ถึงแม้จะมีลิ่วล้อจากพรรคเพื่อไทยออกมาปกป้องพยายามเปิดผลงานรัฐบาลให้เห็นว่าผลิดอกออกผลทั้งที่เข้ามาบริหารประเทศเพียงไม่นาน เช่น นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ที่เดินหน้าทำทันที ภายใน 3 เดือนแรกหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปี ทั้งอ้อย ราคาปรับขึ้นมาเป็นตันละ 1,700-1,850 บาท จากเดิมตันละ 850-950 บาท ยางพารากิโลกรัมละ 75 บาท จากเดิม 3 กิโลกรัม 100 บาท รวมถึงมันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าว ราคาก็พุ่งสูงมาก
ส่วนการเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายกฯ เพื่อไทย ยืนยันมีเป้าหมายที่จะประกาศว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนเต็มที่ จนในที่สุดงานที่นายกฯ มุ่งมั่นตั้งใจทำตั้งแต่วันแรกก็ทยอยสร้างผลลัพธ์ เฉพาะช่วงต้นปีนี้มีตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งบอร์ดบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการในประเทศไทย มูลค่ารวม 29,702 ล้านบาท เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม จากเสียงวิจารณ์และหลายๆ คำถามที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ที่นำมาสู่การขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามการทำงานของรัฐบาลที่จะมีเรื่องของผลงานด้วย คาดว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 3-5 เมษายนนี้
โดย นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ได้เตรียมรวบรวมความคิดเห็น ข้อมูลที่แต่ละพรรคทำการบ้านมาบ้างแล้วว่ามีประเด็นใดจะอภิปรายบ้าง ซึ่งโดยสรุปเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารเป็นเวลาประมาณเกือบครึ่งปีแล้ว แต่พบว่าไม่ได้ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และเพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตนเอง ไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายและการแก้ปัญหาของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
ด้าน นายเศรษฐา เองได้ยินเสียงวิจารณ์นี้แล้ว ก็พร้อมให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยเจ้าตัวยืนยันว่า “พร้อมชี้แจงทุกเรื่อง และรัฐมนตรีทุกคนก็พร้อมที่จะชี้แจงเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลพยายามเร่งทำงานทุกอย่าง และกลางเดือนมีนาคมนี้จะมีการแถลงว่า การที่รัฐบาลเดินทางมาต่างประเทศมีผลงานอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการลงทุนของแต่ละบริษัทไปถึงขั้นตอนใดแล้ว ประชาชนจะได้สบายใจ ขณะเดียวกันก็จะได้วางแผนการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย”
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แต่ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม นายกฯ นิดมองเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง ผลงานรัฐบาลมีหรือไม่ ขอให้ประชาชนตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม หลังแถลงผลงาน 6 เดือนรัฐบาลแล้ว หลังจากนั้นนายเศรษฐามีคิวเดินสายต่อเนื่องลงพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ และการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดพะเยา ระหว่างวันที่ 15-19 มีนาคม 2567
ส่วนการตั้งโต๊ะตีปี๊บผลงาน 6 เดือนรัฐบาลในครั้งนี้ จะออกมาเป็นที่พอใจ ชัดเจนทุกประเด็นตามที่หลายฝ่ายตั้งคำถามหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ขี่กระแสชาตินิยม รวมบ้านใหญ่สู่รัฐบาล 4 ปี
“ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง”, “รัฐบาลสนับสนุนการทำหน้าที่ของกองทัพอย่างเต็มที่”, “นี่เป็นเรื่องของสองประเทศ ไม่ใช่เรื่องของคนนอก” และ “การหยุดยิงจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจ และต้องแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม”
ศึกชิง ‘เมืองกล้วยไข่’ ‘กล้าธรรม’ ปะทะ ‘รัตนากร’
1 ในพื้นที่เป้าหมายสำคัญของ ‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คือ จ.กำแพงเพชร
เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

