นับได้ว่าขณะนี้ ถนนการเมืองได้คลอดว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 200 คน และสำรอง 100 คน ที่เตรียมพร้อมจะเข้าทำงานในสภาเพื่อประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศรับรอง สว.ดังกล่าวเลย จากที่คิดว่าจะจบเร็วก็ทำท่าจะกลายเป็นหนังชีวิต สว. ทั้งที่ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ประกาศว่า คาดว่าจะประกาศรับรอง สว.ได้ใน 3 ก.ค. ซึ่งเป็นไทม์ไลน์เดิมที่ได้ตั้งเป้าไว้
นั่นเป็นเพราะภายหลังการเลือก สว.จบลงไป มีผู้สมัคร สว.หลายรายทยอยเดินทางไปยื่นร้องเรียนที่ กกต. พร้อมทั้งนำเอกสาร หลักฐานไปยื่นประกอบ เพื่อให้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สว.บางคนที่ไม่ตรงปก
โดยมีการตั้งข้อสังเกต ไม่ว่าจะเป็น พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ผู้ที่ได้รับคะแนนเลือก สว.มากที่สุดในทุกกลุ่ม ที่ถูกเพ่งเล็งว่าจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยห้องแถวหรือไม่
หรือว่า สมชาย เล่งหลัก ว่าที่ สว. กลุ่ม 19 อดีตผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย ที่ กกต.มีมติแจก "ใบดำ" เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จากกรณีเตรียมเงินซื้อเสียง
นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนเกี่ยวกับกระบวนการเลือกสว. มีการฮั้ว บล็อกโหวตหรือไม่ ขณะเดียวกันมีผู้สมัคร สว.อีกจำนวนหนึ่ง ได้ไปยื่นต่อศาลปกครอง ขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อระงับการประกาศผลการเลือก สว.ในวันที่ 3 ก.ค.ออกไปก่อน
โดยหยิบยกเหตุผล ความไม่โปร่งใส โดยมีการเดินเกมจ้างให้คนลงสมัครเพื่อเป็นโหวตเตอร์ คือสมัครเพื่อไปเลือกเป้าหมายที่ตัวเองต้องการอยากจะผลักดันเพื่อให้ได้เป็น สว.
โดยเรื่องที่สังคมให้ความสนใจที่สุดคือ ความเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายนักการเมืองกับบ้านใหญ่ ของว่าที่ สว.ชุดใหม่ที่ส่วนใหญ่มาจากค่ายสีน้ำเงิน
เพราะหากสืบสาว ไล่เลียง ก็ค่อนข้างชัดแจ้งในทางสาธารณะ อาทิ คนขับรถของบิดาเนวิน ชิดชอบ ที่ระบุประวัติเป็นนักฟุตบอลอาวุโส และได้เป็นว่าที่ สว.ตัวจริงแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคนที่น่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น น.ส.คอดียะฮ์ ทรงงาม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าจาก จ.อ่างทอง ในใบแนะนำตัวระบุว่ามีประสบการณ์เป็นประชาสัมพันธ์เสียงตามสายหมู่บ้าน และสุดท้ายได้เป็นว่าที่ สว.จากกลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม (กลุ่ม 18) โดยพบข้อมูลว่าเป็นที่ปรึกษา สุรเชษ นิ่มกุล ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อ่างทอง ซึ่งมีความคุ้นเคยกับเครือข่ายบ้านใหญ่สีน้ำเงินใน จ.พระนครศรีอยุธยา
ขณะที่ในทางข้อมูลร้องเรียนนั้น สำนักงาน กกต.ระบุไว้ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มียอด 614 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องคุณสมบัติให้ลบชื่อคิดเป็น 65% คำร้องเกี่ยวกับเรื่องไม่สุจริตอยู่ที่ 14% เช่นประเด็นการให้ทรัพย์สิน และจ้างลงสมัครเรียกรับให้ลงคะแนน
ขณะที่การร้องว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองช่วยเหลือมีอยู่ 3% โดยมีการคาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้และต่อๆไป จะมีเรื่องร้องเรียนเพิ่มพุ่งขึ้นเรื่อยๆ อาจจะถึงประมาณร้อยเรื่อง ซึ่งมีข้อมูลว่าแม้จะมีเรื่องร้องเรียนตามมาเป็นหางว่า แต่ กกต.จะเดินหน้าประกาศรับรองผลได้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต. ที่ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระแสข่าวการเลื่อนประกาศรับรองผล สว.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ว่า
"อย่าใช้คำว่าเลื่อน แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ จึงจะมีการประกาศรับรอง สว. ซึ่งตามแผนการที่จะประกาศรับรองวันที่ 3 ก.ค. จะประกาศก็ต่อเมื่อ กกต.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะตรวจสอบในสิ่งที่ได้รับร้องเรียนเบื้องต้น จากนั้นก็จะประกาศได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นการเลื่อน แต่ยังไม่เสร็จ จึงเป็นการทำให้เสร็จแล้วจะประกาศ"
ทั้งนี้แม้จะโดนบ่นรอบทิศ ในการดำเนินการตรวจสอบของ กกต. ว่าเหตุใดการเอาผิดใครสักคนหนึ่งถึงได้ล่าช้า ปล่อยให้ลอยนวลไปทำงานในสภาก่อนค่อยสอยทีหลัง แต่ในทางรูปธรรม และเดินตามเนื้องานกฎหมาย
ก็ต้องยึดตามกฎ ระเบียบ ว่าใครทำผิดกฎหมาย หรือทุจริตการเลือก สว.นั้น ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าผิดจริงๆ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดมากพอจะสั่งเอาผิด หรือลบชื่อออกได้ในทันที
ถึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูล หลักฐาน การหาหลักฐานเพิ่มเติม การประสานหน่วยงานนอกที่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น
ดังนั้น ขณะนี้จึงต้องจัดหมวดหมู่คำร้องเกี่ยวกับการเลือก สว.ว่าเป็นเรื่องอะไร ซึ่งไม่ได้มีกฎหมายระบุชัดว่าต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลากี่วันกี่เดือน แต่โดยส่วนใหญ่ กกต.จะดำเนินการราวๆ 1 ปี
โดยเคสนี้คล้ายกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่ประกาศรับรองไปก่อน เพราะอย่างไรก็ตามการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้มัดแน่นเพื่อเอาผิดคนใดคนหนึ่งนั้นจะต้องทำอย่างละเอียด ไม่สามารถพิจารณาได้ทันตามไทม์ไลน์
กลับกันก็มีสังคมบางส่วนมองว่า แม้จะปล่อยผีไปแล้วก็สอยใครไม่ได้ เพราะเมื่อครบ 1 ปีแล้ว กกต.ก็ทำได้แค่ให้ใบแดงผู้ได้รับการเลือกตั้งเพียง 2 คน ทั้งที่การซื้อเสียงเกิดขึ้นในหลายเขต
ขณะที่ช่องทางออก ก็ยังมีวิธีการที่จะทำให้เรื่องร้องเรียนที่คงค้างเบาบางลงคือ การตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ สว. 200 คน และสำรอง 100 คนก่อน เพราะบางรายมีการปลอมวุฒิการศึกษา โดยแค่ขอวุฒิการศึกษา ถ้าเขาไม่มีนั่นแสดงว่ามีการปลอมวุฒิ หรือแม้แต่การตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามในการสมัคร สว.ก็สามารถทำได้เลยซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบฐานข้อมูลประวัติอาชญากรรม หรือคำพิพากษาของศาลกรณีถูกสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องง่ายกว่าการตรวจสอบเรื่องทุจริตหรือฮั้ว ที่จะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานเป็นระยะเวลานาน ซึ่งค่อยตามไปเก็บสอยทีหลังได้
โดยสรุป ช่วงสถานการณ์นี้สิ่งสำคัญคือ ต้องช่วยกันจับตามองการทำงานของ กกต. ว่าหลังจากประกาศรับรองผลแล้ว กกต.จะเดินหน้าอย่างไรในการตรวจสอบเอาผิดผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว. รวมถึงพรรคการเมืองที่มีส่วนร่วมในการทำให้การเลือก สว.ไม่เป็นไปโดยสุจริต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แถลงผลงาน3เดือน‘รัฐบาลอิ๊งค์’ โชว์อนาคตประเทศ รอดหรือร่วง?
ได้เวลาตีปี๊บผลงานรัฐบาล 90 วันของ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้ 12 ธันวาคม 2567 ในหัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” (2025 Empowering Thais : A Real Possibility) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชม
กกต. ตั้งเป้าประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.68 ร้อยละ 65-70
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เปิดเผยถึงแผนเตรียมการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ. ที่จะครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ โดยยืนยันที่จะจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเสาร์
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ตีตก 7 คำร้อง ขอให้วินิจฉัยเลือก สว. ไม่ชอบ
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับ 7 คำร้องที่มีการร้องขอให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วยคำร้องของนายสมบูรณ์ ทองบุราณ,นายวัฒนา ชมเชย ,ว่าที่ร.ต.วิชชุกร คำจันทร์ นายจิรัฎฐ์ แจ่มสว่าง,นายปรีชา เดชาเลิศ,นางฤติมา กันใจมา,
ศาลรธน.สั่ง 'สมชาย เล่งหลัก' หยุดปฏิบัติหน้าที่สว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต ) ผู้ร้อง ขอให้พิจารณาวินิจฉัยกร
กม.สกัดรัฐประหาร‘ส่อแท้ง’ พรรคร่วมไม่อิน-ไม่เอา
ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ฉบับ ‘หัวเขียง’ ที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเสนอ ส่อแวว ‘แท้ง’ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น
จับ“ไทย”ชน“เมียนมา” เด้งเชือกรับมือเกมมหาอำนาจ
หลังจากที่กองกำลัง “ว้าแดง” ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวลือความตึงเครียดระหว่างทหารไทยกับว้าแดงบริเวณชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ “ข่าวลือ” ดังกล่าวเริ่มเบาเสียงลง