วันพุธที่ 7 ส.ค. ได้รู้กันเสียที พรรคก้าวไกล จะถูก ยุบพรรคหรือได้ไปต่อ บนถนนการเมืองไทย
โดยแม้จะพบว่าที่ผ่านมา การวิเคราะห์และความเห็นจากคนในแวดวงการเมืองหลายภาคส่วน เทน้ำหนักและความเชื่อไปในทางที่ว่า พรรคก้าวไกลไม่น่ารอด มีโอกาสถูกยุบพรรคและกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ตามคำร้องของ กกต.
กระนั้นก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ไม่ใช่แค่กองเชียร์ด้อมส้ม แฟนคลับก้าวไกล ที่มองว่าก้าวไกลก็ยังมีโอกาสได้ลุ้นเช่นกัน โดยการยกประเด็นข้อกฎหมาย ข้อต่อสู้ต่างๆ มาอธิบายต่อสังคม
ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่ดุลยพินิจ-การวินิจฉัยคดีของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้
ที่ตุลาการศาล รธน.นัดประชุมตอน 09.30 น. โดยไฮไลต์การประชุมจะอยู่ในช่วงการ
"แถลงคำวินิจฉัยส่วนตนด้วยวาจา"
ที่ก็คือ การที่ตุลาการศาล รธน.แต่ละคนจะอ่านความเห็นในการวินิจฉัยคดีของตัวเองที่ทำไว้อย่างไม่เป็นทางการ ว่าตนเองมีความเห็นในคดียุบพรรคก้าวไกลอย่างไร ก้าวไกลผิดหรือไม่ผิด ควรยุบพรรคหรือไม่ ก็จะแถลงไปทีละคนไล่เรียงไปจนครบ 9 คน จนได้มติของที่ประชุมตุลาการศาล รธน.โดยยึดเสียงข้างมากเป็นคำตัดสิน
จากนั้นจะมีการนำความเห็นของตุลาการศาล รธน.เสียงข้างมาก ไปเขียน คำวินิจฉัยกลาง
โดยจะให้ตุลาการศาล รธน.เสียงข้างมาก มีคนที่เป็นหลัก 1 คน ในการร่างคำวินิจฉัยกลาง จนเมื่อเสร็จสมบูรณ์ ตุลาการทั้ง 9 คน ก็จะเดินเข้าห้องพิจารณาคดี เพื่ออ่านคำวินิจฉัยเวลาบ่าย 3 โมง ให้ตัวแทนคู่ความคือ กกต.และพรรคก้าวไกล ตลอดจนคนไทยทั้งประเทศ ที่ต่างลุ้นกับคำตัดสินมาหลายเดือนได้ฟังกันแบบใจระทึก ลุ้นกันทั้งประเทศ
และเป็นที่ทราบกันดีว่า การลงมติ-เขียนคำวินิจฉัยคดีของตุลาการศาล รธน.
ตั้งแต่เริ่มเข้าห้องประชุม-เริ่มลงมติ จนถึงขั้นตอนการร่วมกันร่างคำวินิจฉัยกลาง และการอ่านคำวินิจฉัย กระบวนการทั้งหมด จะต้องทำอย่าง ลับที่สุด เช่น จะมีการขอให้ตุลาการศาล รธน.นำโทรศัพท์มือถือไปฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ของศาล รธน.จนกว่าจะอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานศาล รธน.ที่จะอยู่ร่วมในขั้นตอนต่างๆ ข้างต้น ก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง พวกเลขาธิการศาล รธน.-รองเลขาธิการฯ-ผอ.สำนักฯ ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยทุกคนต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้ด้วยเช่นกัน ที่ก็เป็นเรื่องของการป้องกัน
"มติรั่ว-คำตัดสินรั่ว"
ก่อนการอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นนั่นเอง และทำแบบนี้เกือบทุกครั้ง ไม่ใช่มาทำกับคดียุบพรรคก้าวไกล
ส่วนทิศทางของผลคำวินิจฉัย-การพิพากษาพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ ก็จะออกมา 2 แนวทางคือ ยกคำร้อง ก็คือ ก้าวไกลรอด ไม่โดนยุบพรรค เพราะไม่ได้มีพฤติการณ์ซ่อนกร่อนบ่อนทำลาย ไม่ได้มีการกระทำเพื่อเป็นการล้มล้างการปกครองฯ-ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเมื่อไม่มีคำสั่งยุบพรรค ก็ทำให้จะไม่มีการตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลแต่อย่างใด
ถ้าผลออกมาแบบนี้ แกนนำพรรค-กรรมการบริหารพรรค-สส.พรรค-ด้อมส้ม ก็เฮกันลั่น กับการที่พรรคก้าวไกลยังได้ไปต่อบนถนนการเมือง และทำให้ก้าวไกลกลับมามีสมาธิในการทำงานการเมืองของตัวเองต่อไป เช่น ไปทุ่มกับการหาเสียงเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ที่พรรคก้าวไกลเริ่มทยอยส่งคนลงอย่างเป็นทางการ เช่น ที่ราชบุรี ที่จะเลือกกัน 1 ก.ย. เป็นต้น
แต่หาก ไม่รอด-โดนยุบพรรค ก็ต้องดูว่า ศาล รธน.จะตัดสิทธิ์การลงเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลกี่ปี จะใช่ 10 ปีตามคำร้องของ กกต. หรือจะน้อยกว่านั้น
ที่หากก้าวไกลไม่รอด ก็จะทำให้สภาฯ ชุดนี้ จะมี สส.ไม่ครบ 500 คนทันที เพราะ 5 กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่เป็น สส.ต้องพ้นสภาพการเป็น สส.ไปทันที โดยไม่สามารถเลื่อนผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกลขึ้นมาแทนได้
โดย 5 คนดังกล่าวประกอบด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ชัยธวัช ตุลาธน, เบญจา แสงจันทร์, สุเทพ อู่อ้น, อภิชาติ ศิริสุนทร
อีกทั้งจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลก เพื่อมาแทน ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งถูกขับพ้นพรรค และปัจจุบันสังกัดพรรคเป็นธรรม ซึ่งตัวปดิพัทธ์นอกจากต้องหลุดจาก สส.-เว้นวรรคการเมืองแล้ว ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทันที และโควตานี้พรรคภูมิใจไทยคงมาเสียบแทน
ขณะที่พรรคใหม่ที่จะตั้งมาแทนก้าวไกลก็น่าจับตาว่า จะมี ส.ส.ก้าวไกลย้ายไปอยู่ด้วยกันทั้งหมด ที่จะเหลือ 143 คน หรือจะมีแตกแถว มีงูเห่าสีส้มเกิดขึ้นซ้ำรอยตอนอนาคตใหม่โดนยุบพรรคหรือไม่?
หลังล่าสุดมีการขยับอย่างมีนัยของ พรรคกล้าธรรม ที่เป็นพรรคในเครือข่ายของธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เจ้าของตำนาน แจกกล้วยการเมือง ที่มีการเปิดตัวทำกิจกรรมพรรคเมื่อ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการดัน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์-ผู้แทนการค้าไทย นักการเมืองในทีมของธรรมนัสมาเป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ในช่วงก่อนหน้าวันตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกลเพียงวันเดียว
จน สส.ก้าวไกล จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ออกมาดักทางตีปลาหน้าไซว่า มีคนในเครือข่ายรัฐมนตรี "ธ" เปิดดีลส่งคนเจรจาดึงตัว สส.ก้าวไกลให้แยกตัวออกมา โดยเสนอ กล้วย ให้คนละ 20-30 ล้านบาท เพื่อให้ไปอยู่ด้วย ไม่ต้องไปอยู่กับพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นหากก้าวไกลโดนยุบพรรค
ตรงนี้ต้องดูว่า จะได้เห็น งูเห่าลอกคราบสีส้ม กันหรือไม่ หากก้าวไกลโดนยุบพรรค แต่เชื่อว่าถึงหากมีจริง ก็น่าจะน้อย
ขณะเดียวกัน หากก้าวไกลโดนตัดสินว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ถ้าในคำวินิจฉัยกลางของศาล รธน.เขียนพฤติกรรมต่างๆ ของ สส.ก้าวไกลแบบลงรายละเอียดชัด ก็จะทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับลูก ไปฟันดาบสองกับพวก สส.ก้าวไกล สมัยที่แล้ว 44 คน ที่ร่วมกันลงชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 เข้าสภาฯ หลังมีคนไปยื่นคำร้องให้เอาผิดข้อหาฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมร้ายแรงฯ ซึ่งใน 44 คนดังกล่าวพบว่าเป็น สส.ก้าวไกลในปัจจุบัน 30 คน ที่ต้องลุ้นหนักอีกว่า จะโดน ป.ป.ช.ฟันฉับหรือไม่
ที่แสดงให้เห็นว่า วิบากกรรมก้าวไกลอาจไม่จบแค่วันที่ 7 ส.ค. ถ้าก้าวไกลไม่รอดโดนยุบพรรค
แต่ถ้าพลิกล็อก รอด ไม่ถูกยุบพรรค เชื่อว่าแกนนำพรรค-สส.ก้าวไกลที่นัดแถลงข่าวตอน 6 โมงเย็นวันเดียวกัน คงขอบคุณตุลาการศาล รธน.กันยกใหญ่
ทว่ากลับกัน ถ้าก้าวไกลไม่รอด โดนยุบพรรค คงสวดยับ ใส่รัวๆ เป็นชุด ไม่เผาผีศาล รธน.!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


