ปรับ“ฉก.ทม.รอ.904” “ลดอาร์ม-ถอดคอแดง”จบหรือไม่?

นับแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) หรือ ฉก.คอแดง อย่างเป็นรูปธรรม หลัง “โผทหาร” ระดับชั้นนายพลเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจบลงไปแบบตึงๆ

จากนั้น กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) มีการจัดโครงสร้าง ลดรูปของ ฉก.ทม.รอ.904 ลงไประดับกองทัพภาค 1 เพื่อให้โครงสร้างดังกล่าวตอบโจทย์สายการบังคับบัญชาที่ไม่ต้องสั่งผ่านผู้บัญชาการทหารบกเหมือนในอดีต ทำให้ตำแหน่ง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จะไม่ใช่ ผบ.ทบ.อีกต่อไป แต่จะเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งปัจจุบันก็คือ พล.ท.อมฤต บุญสุยา

ส่งผลให้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.พนาแคล้ว ปลอดทุกข์, พล.อ.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.ท.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารบก ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ ทั้งที่มีตำแหน่งใน ฉก.ทม.รอ.904 และที่อยู่ในการ์ดรูม (เคยมีตำแหน่งใน ฉก.และพ้นจากตำแหน่ง) ไม่ต้องใส่เสื้อยืดขาวคอแดงไว้ข้างใน 

และถอดเครื่องหมาย ปลด เข็มวรรณะที่ติดหน้าอก อาร์ม ฉก.ติดที่แขนออกจากเครื่องแบบทหาร อีกทั้งจะไม่ได้รับเงินพิเศษประจำ ฉก. 7,000 บาทอีกต่อไป (นายพล-ร้อยตรีได้รับ 7,000 บาท ทหารชั้นประทวน 5,300 บาท)

เป็นการเปลี่ยนสภาพจากทหาร “คอแดง” เป็นทหาร “คอเขียว” ไปโดยปริยาย!!!

นอกจากนั้น ทม.รอ.ยังจัดโครงสร้าง ฉก.ทม.รอ.904 เป็น 3 ฉก.หลัก โดย ฉก.ทบ. ประกอบด้วย พล.1 รอ. พล.ร.2 รอ. ป.2 รอ. พล.ม.2 รอ. และ ม.พัน.29 รอ. รวมถึงกรม นนร.จปร.

ฉก.ทร. ประกอบด้วย พัน.ร.1 รอ.กรม ร.1 รอ.พล.นย., พัน.ร.9 รอ. กรม ร.3 รอ.พล.นย., 4 กองพันกรมนักเรียนนายเรือฯ ส่วน ฉก.ทอ. ประกอบด้วย กรม ทย.รอ.อย.ทั้ง 3 กองพัน และ 5 กองพันกรมนักเรียนนายเรืออากาศฯ 

สำหรับหน่วยพ้นหน้าที่ ฉก.ทม.รอ.904 มีทั้งหมด 3 กรม 13 กองพัน ประกอบด้วย รพศ.3 รอ. ช.1 รอ. กรมต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ กรมทหารอากาศโยธิน, ปตอ.2 พัน 1, ม.พัน 4, ช.พัน 1, ม.พัน 2, ม.พัน 30, ช.2, ม.พัน 27

พร้อมกันนั้นยังให้กำลังพลทำแบบสำรวจแสดงเจตจำนงว่าใครมีความประสงค์เข้า ทม.รอ. หรือมีความประสงค์อยู่ใน ฉก. และไม่มีความประสงค์อยู่ใน ฉก. ทั้งนี้ผู้ที่มีความประสงค์อยู่ใน ฉก. พร้อมปรับย้ายเข้า ทม.รอ.ได้เมื่อมีคำสั่ง เพื่อมีการปรับเปลี่ยนโอนย้ายให้ชัดเจน ส่งผลให้โผผู้การกรมฯ และรองนายพล ที่ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เพิ่งจัดทำเสร็จในช่วงปลายเดือน ก่อนที่จะประกาศออกมาเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

การปรับโครงสร้างใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังการจัด “โผทหาร” ชั้นนายพลครั้งหลังสุดที่วัดพลัง เพื่อต้องการ “เปลี่ยนเกม” ในการบริหารอำนาจในกองทัพใหม่ กระชับการสื่อสาร และสั่งการได้ตรงกับแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งถือเป็นผู้ที่คุมสภาพหน่วย ฉก.เกือบทั้งหมดอยู่แล้วโดยไม่ต้องผ่าน ผบ.ทบ. ซึ่งคุมกองทัพบกทั้งหมด ลดความลักลั่นที่เกิดขึ้นมาหลายปี

สำหรับ ฉก.ทม.รอ.904 ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการถวายพระเกียรติ การถวายความปลอดภัย การถวายอารักขา และการปฏิบัติตามพระราชประสงค์ในพระองค์ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในโดยรอบเขตพระราชฐาน ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย และมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ

อีกทั้งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสถานการณ์การเมือง และกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ยังไม่นิ่งนัก “กองทัพบก” ในฐานะที่มีความพร้อมเรื่องกำลังพล เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ จึงถูกจัดให้เป็นกำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904 เข้ารองรับภารกิจดังกล่าวในช่วง 7-8 ปีก่อนหน้านี้ ที่มีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนคนเข้ามาทำหน้าที่ โดยในยุคของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็น ผบ.ทบ. และดำรงตำแหน่ง ผบ.ฉก.ทม.904 ทุ่มเทสนองภารกิจดังกล่าวเกิน 100 เปอร์เซ็นต์

แต่ก็มีอาการ “สะดุด” ในเรื่องการเลื่อนยศ ปลดย้ายในกองทัพ เพราะมีความพยายาม “ล้วง” เข้ามาจัดโผในกองทัพอันเกี่ยวเนื่องมาจากสัมพันธ์ใกล้ชิดของรุ่นเตรียมทหาร จนมีปฏิกิริยาแข็งขืนต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นระยะ ถึงขนาดที่มีการหยิบยกเรื่องอำนาจหน้าที่ตามกฎระเบียบขึ้นมาอธิบายกันหลายวง เพื่อย้ำอำนาจในการพิจารณาเสนอชื่อแต่งตั้งยังเป็นของ ผบ.เหล่าทัพ

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในยุคที่ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ที่ไม่ยอม “ขวาชิดหู” สนองตอบแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อ พล.อ.พนาขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.เจริญชัย จึงมีแนวโน้มว่า ไม่ง่ายที่จะวางคนขึ้นสู่ตำแหน่งคุมกำลัง และปูทางขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้

แต่การเปลี่ยนแปลงในกองทัพบก โดยเฉพาะการที่ ผบ.ทบ.เปลี่ยนจาก “คอแดง” มาเป็น “คอเขียว” ทำให้บรรยากาศในกองทัพดูผ่อนคลายลงบ้าง เพราะจุดโฟกัสตกไปอยู่ที่กองทัพภาคที่ 1 แทน

สถานะของ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 จึงอาจมีความผกผันสูง เพราะต้องเจอพายุคลื่นลมแรงอีกหลายระลอก ท่ามกลางภารกิจที่หนักอึ้ง

เพราะปัญหาที่ผ่านมาไม่ได้จบลงแบบวิน-วินเสียทีเดียว จึงต้องติดตามดูการเปลี่ยนเกมเล่นครั้งนี้ ว่าจะนำไปสู่ผลสำเร็จในการปูทางให้คนในใจเข้าไปในนั่งเก้าอี้ ทบ.1 ไว้ตามที่ตั้งใจได้หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)