สำหรับผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อ 1 ก.พ. ผู้สมัครนายก อบจ.ของเพื่อไทย ที่ส่งลงอย่างเป็นทางการในนามพรรค และลงในนามสมาชิกพรรคเพื่อไทย พบว่า เข้าป้ายเอาชนะเตรียมเข้าไปเป็นนายก อบจ. รวม 10 จังหวัด จากที่ส่ง 16 จังหวัด ประกอบด้วย ปราจีนบุรี นครพนม นครราชสีมา มหาสารคาม สกลนคร หนองคาย เชียงใหม่ น่าน แพร่ ลำปาง
ขณะเดียวกันก็มีบางจังหวัด ที่ผู้ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แต่คนที่ชนะเลือกตั้งก็เป็นคนในเครือข่ายเพื่อไทยอย่างเห็นได้ชัด เช่น ฉะเชิงเทรา ที่ กลยุทธ์ ฉายแสง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา ที่รอบนี้พาสชั้น ลงชิงนายก อบจ.และสามารถชนะเลือกตั้งได้เป็นนายก อบจ.เมืองแปดริ้ว แบบไม่ยากเย็น เพราะบ้านใหญ่เมืองแปดริ้วทั้งหมด เช่น สายสุชาติ ตันเจริญ, อิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ, พินิจ จารุสมบัติ ต่างจับมือกันหนุน บ้านใหญ่ตระกูลฉายแสงเต็มสูบ อีกทั้งอดีตนายก อบจ.ฉะเชิงเทราคนที่ผ่านมา นายกไก่-กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ก็ไม่ลงเลือกตั้งเพื่อหลีกทางให้ เลยทำให้กลยุทธ์ น้องชายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย และเป็นพี่ชาย ฐิติมา ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา เพื่อไทย เลยชนะเลือกตั้งได้แบบสบายๆ
หรือที่ชลบุรี ซึ่ง วิทยา คุณปลื้ม ก็ยังได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ชลบุรี อีก 1 สมัย หลังเป็นมาแล้วหลายสมัย โดยไม่ออกแรงลุ้นมากนัก ซึ่งวิทยาก็คือน้องชายของสนธยา พี่ใหญ่ของตระกูลคุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี ที่ตอนเลือกตั้งปี 2566 ยกทีมมาอยู่เพื่อไทย แต่สุดท้ายพ่ายแพ้ยับเยิน แต่สำหรับการเมืองท้องถิ่น บ้านใหญ่คุณปลื้ม ฐานยังแน่นอยู่ เป็นต้น
ทำให้รวมๆ แล้ว เครือข่ายเพื่อไทย-ทักษิณ เป็นนายก อบจ.ร่วมๆ 16 จังหวัด จากที่เลือกรอบนี้ 47 จังหวัด และก่อนหน้านี้อีกหลายจังหวัดที่เลือกตั้งกันไป เช่น อุดรธานี อุบลราชธานี เป็นต้น
ส่วนความพ่ายแพ้ของทักษิณ-เพื่อไทย ก็มีบางพื้นที่ ซึ่งทำให้ทักษิณ ชินวัตร-เพื่อไทย เสียหน้าพอสมควร โดยเฉพาะจังหวัดที่ทักษิณไปช่วยหาเสียง-ขึ้นเวทีปราศรัยให้ เช่นที่ ศรีสะเกษ ที่ไปหาเสียงให้ถึง 2 วัน หรือที่ภาคเหนือก็คือ เชียงรายและลำพูน
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยแต่ละภาคแต่ละจังหวัด กำลังรอผลคะแนนอย่างเป็นทางการที่จะออกมาก่อน จากนั้นจึงจะวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งแบบรายจังหวัด ทั้งจังหวัดที่เพื่อไทยชนะและแพ้เลือกตั้ง เพื่อเป็นข้อมูลดิบสำหรับต่อยอดทางการเมืองในการเลือกตั้ง สส.ที่จะมีขึ้น
ที่ต้องจับตาก็คือ ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ที่นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ หรือนายกนก อดีตนายก อบจ.เชียงราย ค่ายสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย เอาชนะ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช อดีตนายก อบจ.เชียงราย ภรรยา นายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำเพื่อไทยภาคเหนือ
ทำให้เพื่อไทยแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย 2 สมัยติดต่อกัน หลังก่อนหน้านี้ก็แพ้มาแล้วตอนเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ปี 2563 และแพ้ให้กับบ้านใหญ่ตระกูลวันไชยธนวงศ์ ที่เคยอยู่กับทักษิณมาก่อนที่เพื่อไทย แต่ต่อมามีการย้ายทีมออกไปอยู่กับภูมิใจไทย
ความพ่ายแพ้รอบนี้จึงเป็นการฝากรอยแค้นให้ทักษิณ-เพื่อไทยอย่างมาก ที่ยังล้างตาที่เชียงรายไม่สำเร็จ ยังไม่สามารถเอาชนะบ้านใหญ่วันไชยธนวงศ์ได้
ข่าวบอกว่า ทีมงานหาเสียงเพื่อไทยภาคเหนือตอนบน เช็กคะแนนกันแบบอำเภอต่ออำเภอที่เชียงราย พบว่า ในบางอำเภอที่มีการแบ่งโซนรับผิดชอบพื้นที่อย่างชัดเจน คืออำเภอเมือง ที่รับผิดชอบโดยบ้านใหญ่เชียงรายตระกูล จงสุทธานามณี ที่มีวันชัยเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงราย และร้อยตำรวจเอกธนรัช จงสุทธานามณี หรือต้นน้ำ ลูกชายวันชัย ที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็น เลขานุการ รมว.การคลัง-อดีตผู้สมัคร สส.เชียงราย เขต 1 เพื่อไทย ปี 2566 กับอำเภอ เชียงของ ซึ่งรับผิดชอบโดย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย 6 สมัย-รองประธานสภาฯ พบว่า ทั้ง 2 อำเภอ คะแนนไม่เข้าเป้าตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งมีการมองกันว่า หากคะแนนเข้าเป้า ไม่หายไปเยอะ ก็น่าจะทำให้ นางสลักจฤฎดิ์มีโอกาสชนะ
โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า บ้านใหญ่เชียงรายที่มีอยู่ประมาณ 5 กลุ่ม ที่มีคนในตระกูลอยู่ในการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น
ในส่วนของบ้านใหญ่ จงสุทธานามณี เป็นที่รู้กันดีว่า ไม่ลงรอยกับตระกูลติยะไพรัชมาแต่ไหนแต่ไรเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาสู้กันตลอดทั้งการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น แต่เลือกตั้งปี 2566 กลุ่มจงสุทธานามณี ยกทีมเข้าเพื่อไทย ภายใต้การเห็นชอบและผลักดันจากเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เจ๊แดง ก็ไม่ถูกกับ ยงยุทธหนักอยู่แล้ว แต่ก็ยังไปเอากลุ่มจงสุทธานามณีมาอยู่พรรคเดียวกัน แถมวันชัยยังผลักดันให้เพื่อไทยส่งลูกชายคือต้นน้ำ ลงสมัคร สส.เชียงรายเขต 1 ได้สำเร็จ โดยเขี่ยเด็กยงยุทธออก ทั้งที่สาขาพรรคเพื่อไทยเชียงราย ลงมติให้ส่งเด็กยงยุทธลงสมัคร จนมีการเตรียมหาเสียงไว้แล้ว ทำให้ทีมงานเด็กยงยุทธเลยสไลด์ตัวเอง ไปเปิดดีลกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ชัยธวัช ตุลาธน ที่พรรคก้าวไกล จนมีการส่งอดีตผู้อำนวยการสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ที่เป็นสโมสรฟุตบอลของตระกูลติยะไพรัช ลงสมัคร สส.เชียงราย พรรคก้าวไกล ชนกับต้นน้ำ ที่เขต 1 เชียงราย และผลปรากฏว่า อดีต ผอ.เชียงราย ยูไนเต็ด ชิตวัน ชินอนุวัฒน์ จากก้าวไกล เอาชนะลูกชายวันชัยได้
มันเลยยิ่งฝากรอยแค้นให้บ้านใหญ่จงสุทธานามณีกับกลุ่มยงยุทธอย่างมาก
เท่านั้นไม่พอ ลือกันทั่วเชียงฮาย อดีตทีมงานยงยุทธที่แยกตัวออกไปจากยงยุทธตอนเลือกตั้ง ยังจัดทีมลงสมัคร สส.เชียงรายอีกบางเขต จนสุดท้ายก้าวไกลได้ สส.เชียงรายมา 3 คน และทั้งหมดเข้า-ออกบ้านยงยุทธได้ตลอดเวลา
มันจึงสาเหตุที่เป็น เบื้องหลัง ว่าทำไม พรรคประชาชนถึงไม่ส่งคนลงสมัครชิงนายก อบจ.เชียงราย ทั้งที่มี สส.เขต เชียงราย 3 คน และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่เชียงรายถึง 2 แสนกว่าคะแนน
สาเหตุคงเพราะทีม สส.เชียงราย พรรคส้ม 3 คน ที่แนบแน่นกับคนของยงยุทธ ไม่ต้องการให้พรรคประชาชนส่งคนลงสมัครแล้วไปชนกับยงยุทธที่ส่งเมียตัวเองลง ในฐานะ คนคุ้นเคยที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งทางการเมืองที่หลายคนไม่รู้ นั่นเอง
ส่วนกรณีคะแนนไม่เข้าเป้า ที่อำเภอเชียงของ ที่อยู่ในพื้นที่ของพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ดูแล้วฝ่ายเพื่อไทยคงต้องไปตรวจสอบว่า ที่คะแนนไม่เข้าเป้า เพราะอะไร มีอะไรหรือไม่ เพราะรู้กันทั้งพรรคเพื่อไทยและที่เชียงรายว่า พิเชษฐ์ก็เป็นคนของเจ๊แดง-เยาวภา รวมถึงแม้แต่บ้านใหญ่เชียงรายตระกูลเตชะธีราวัฒน์ ของวิสารก็เช่นกัน โดยทั้ง จงสุทธานามณี-เตชะธีราวัฒน์และพิเชษฐ์ ล้วนเป็นคนของเจ๊แดงทั้งสิ้น โดยกลุ่มดังกล่าวไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มยงยุทธมาตลอด ยิ่งเมื่อผลเลือกตั้งออกมา โดยคะแนนในอำเภอความรับผิดชอบ พิเชษฐ์กับวันชัยทำได้ไม่เข้าเป้า
มันเลยเริ่มถูกจับตามองว่า ทีมเลือกตั้งนายก อบจ.ภาคเหนือของเพื่อไทยคาใจพอสมควร ว่ามีการ เกียร์ว่าง-ไม่ช่วย-ไม่เต็มที่ เพื่อสกัดยงยุทธไม่ให้มีอำนาจในเชียงรายหรือไม่ แม้ยงยุทธจะเป็นน้องรักของทักษิณ จนไปช่วยหาเสียงให้เมียยงยุทธ 2 รอบก็ตาม
ลือกันทางการเมืองว่า หลังทักษิณเดินทางกลับจากมาเลเซีย วันจันทร์ที่ 3 ก.พ. หลังจากนั้นอาจมีการเรียกแกนนำพรรคเพื่อไทยที่รับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งนายก อบจ.รายภาคมานั่งดูคะแนนผลเลือกตั้งกันแบบจังหวัดต่อจังหวัด อำเภอต่ออำเภอ เพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน เหตุใดถึงแพ้ โดยเฉพาะที่ศรีสะเกษ-เชียงราย โดยอาจต้องมีการเคลียร์ใจกันพอสมควร สำหรับบางจังหวัดที่มีปัญหาคะแนนไม่เข้าเป้า และบางจังหวัด ถึงต่อให้คนของเพื่อไทยชนะนายก อบจ. แต่ทักษิณคงต้องการให้คะแนนชนะขาดกว่านี้ เช่นที่เชียงใหม่ เป็นต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


