เปิดผลสอบ "แพทยสภา" ฟอกขาวหรือเอาผิด หมอรักษา "ทักษิณ"

ในการลุกขึ้นชี้แจงของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ในประเด็นเรื่อง ดีลปีศาจ-การกลับประเทศไทยของทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรี และการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ตำรวจ เป็นเวลา 6 เดือน ทำให้นายทักษิณไม่ต้องรับโทษติดคุกแม้แต่วันเดียว

ทางนายกรัฐมนตรีระบุตอนหนึ่งว่า กำลังรอการสอบสวนของแพทยสภาที่จะออกมา

ขณะที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่อภิปรายเรื่อง ดีลปีศาจ-นักโทษเทวดา ระบุตอนหนึ่งในการอภิปรายด้วยว่า

“มีการแต่งตั้งบุคคลที่ช่วยเหลือพ่อให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง อวยยศ หน้าที่การงาน รวมถึงได้รับการปูนบำเหน็จเพิ่มเติมในรอยต่อรัฐบาล นายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร คือ โดยเฉพาะแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ที่ได้นั่งให้เป็นกรรมการอิสระของบอร์ดไออาร์พีซี ได้เงินนับล้านบาทต่อปี และเป็นตัวเต็งรอง ผบ.ตร.ก่อนเกษียณ นอกจากนั้นยังให้หมอที่ลงนามในใบความเห็นแพทย์เพื่อรักษาตัวต่อ ซึ่งชื่อย่อ พล.ต.ท. ส.ม. ซึ่งเป็นพี่ชายของอดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยมีส่วนได้เสียหรือไม่ โดยคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าเป็นการตอบแทนทางการเมือง เอาความยุติธรรมและผลประโยชน์แลกเพื่อคนในครอบครัว”

การตรวจสอบ-สอบสวนเรื่อง นักโทษเทวดา ชั้น 14 รพ.ตำรวจ หลักๆ ตอนนี้มีการตรวจสอบ-สอบสวน จาก 2 องค์กรสำคัญคือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวน โดยให้ ป.ป.ช.ทั้งหมดเป็นองค์คณะ เพื่อสอบสวนผู้บริหาร-เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ 12 คน แต่การไต่สวนของ ป.ป.ช.ยังไม่คืบหน้ามากนัก

และอีกหนึ่งองค์กรสำคัญคือ แพทยสภา ที่เป็น องค์กรวิชาชีพของแพทย์ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตามกฎหมาย มี รมว.สาธารณสุขเป็นประธานโดยตำแหน่ง และมีกรรมการที่ได้รับเลือกจากแพทย์ทั่วประเทศให้เข้าไปเป็นกรรมการแพทยสภา

ซึ่งตอนนี้แพทยสภาได้มีการตั้ง อนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจเพื่อสอบสวน จริยธรรม-จรรยาบรรณแพทย์ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร ว่ามีการทำหน้าที่โดยถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่ หลังมีการยื่นร้องเรียนให้สอบสวนแพทย์ รพ.ตำรวจ และแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ว่าทำหน้าที่โดยมิชอบ ในการรักษานายทักษิณ จนทำให้นายทักษิณไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวที่อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรม-จรรยาบรรณแพทย์ 

ความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าว ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา สอบสวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจเป็นเวลาร่วม 6 เดือน ทำให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกแม้แต่วันเดียว รวมถึงสอบสวนแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ที่ให้นายทักษิณออกไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ เปิดเผยกับ "ไทยโพสต์" ถึงความคืบหน้าการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ดังกล่าวว่า กระบวนการสอบสวนของอนุกรรมการเฉพาะกิจถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำรายงานผลการสอบสวนเสนอต่อกรรมการแพทยสภา ที่เบื้องต้นมีการนัดประชุมในช่วงเดือนเมษายน วันที่ 10 เมษายน ซึ่งคาดว่าอนุกรรมการจะเสนอผลสอบสวนได้ทันส่งเข้าที่ประชุมใหญ่แพทยสภาวันดังกล่าวได้ ตอนนี้ถือว่าการสอบสวนเสร็จแล้ว เหลือขั้นตอนสรุปทำรายงานและตรวจร่างรายงานเพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่แพทยสภา

“ข้อมูลที่อนุกรรมการสอบสวนทำการตรวจสอบ ถือว่าครบถ้วนเท่าที่จะสอบสวนวินิจฉัยในชั้นอนุกรรมการ ซึ่งในส่วนของเวชระเบียนการรักษาตัวผู้ป่วย รพ.ตำรวจ ก็ส่งข้อมูลมาให้ในส่วนที่จะส่งมาได้ อนุกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถดำเนินการได้แล้วในส่วนของอนุกรรมการ ที่ก็เพียงพอที่จะพิจารณาได้ รพ.ตำรวจก็ส่งข้อมูลต่างๆ มาให้หมด รวมถึงตัวแพทย์ รพ.ตำรวจ ก็เดินทางมาชี้แจงกับอนุกรรมการหมดทุกคน”

อย่างไรก็ตาม นพ.อมรกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดผลการสอบสวนได้ ต้องรอเข้าที่ประชุมใหญ่แพทยสภาก่อน ในชั้นอนุกรรมการจะมีการลงมติต่อผลการสอบสวนด้วย พอได้มติแล้วส่งมติและผลการสอบสวนให้ที่ประชุมใหญ่แพทยสภาต่อไป ที่เบื้องต้นแพทยสภาจะนัดประชุมวันที่ 10 เมษายน

กับคำถามที่ว่า ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวน คิดว่าผลการสอบสวนกระบวนการรักษาคนไข้รายดังกล่าว หากเปิดเผยออกมาสังคมจะยอมรับได้หรือไม่ “นพ.อมร” กล่าวว่า อย่าเพิ่งคาดเดาเลยว่าสังคมจะยอมรับได้หรือไม่ได้ แต่ยืนยันว่าอนุกรรมการทำตามเอกสาร ข้อมูลต่างๆ เท่าที่เราจะสอบสวนได้ตามมาตรฐานจริยธรรมทางการแพทย์ แต่สังคมจะคิดอย่างไร เดาใจไม่ได้ว่า เขาเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผลการสอบสวน อาจจะมีเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะเราก็ทำตามหลักฐานทางการแพทย์เป็นหลักไว้ก่อน คงจะไปเขียนผลสอบออกมาตามใจใครไม่ได้ เรายึดถือตามเอกสารข้อมูล ต้องสอบสวนในกรอบที่แพทยสภาทำ เพราะแพทยสภาจะพิจารณาเรื่องมาตรฐานและจริยธรรมทางการแพทย์ ความถูกต้อง ความซื่อสัตย์ ไม่โกหก เราจะสอบเฉพาะพวกแพทย์

“แต่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเสร็จหมดแล้ว ยืนยันว่าเราจะชี้แจงสังคมได้ หากสังคมถาม เราต้องตอบได้ ว่าทำไมผลสรุปเป็นแบบนี้ ต้องมีเหตุมีผล มีเอกสารหลักฐานยืนยันให้ เราไม่สามารถไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้องได้”

 ...หากที่ประชุมใหญ่แพทยสภาพิจารณาผลสอบสวนแล้ว มีมติต้องการให้อนุกรรมการสอบสวนทำการสอบเพิ่มเติมอีก ก็คงมีการขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน แต่อยากให้เสร็จเร็ว ถ้าเมษายนไม่เสร็จ พฤษภาคมต้องจบ เพราะตอนนี้เนื้อหาการสอบสวน เราทำได้ครบเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางแพทย์ใหญ่และคณะแพทย์ รพ.ตำรวจ ที่เราเรียกมาชี้แจง เขาก็ให้ความร่วมมือดี ส่งข้อมูลทุกอย่างมาให้ตามกรอบเวลาที่วางไว้

...นอกจากนี้ อนุกรรมการ ยังได้ให้ รพ.ราชทัณฑ์ส่งข้อมูลและคำชี้แจงมาให้อนุกรรมการสอบสวนด้วย เพราะ รพ.ราชทัณฑ์กับแพทย์ของโรงพยาบาลก็มีเรื่องถูกร้องเรียนจริยธรรมมาในครั้งนี้ด้วย เราก็เลยต้องเรียกมาสอบสวนจริยธรรมด้วย

ถามย้ำอีกว่า การสอบสวนของอนุกรรมการยืนยันว่ารอบด้านเพียงพอใช่หรือไม่ นพ.อมร ยืนยันว่า การสอบสวนของอนุกรรมการมีความรอบด้านตามกรอบที่วางไว้ ในการสอบสวนเรื่องการดูแลผู้ป่วย ที่สอบสวนเรื่องจริยธรรม และเมื่อผลสรุปของแพทยสภาออกมาแล้ว หลังจากนั้นใครจะเอาไปทำอย่างไรต่อก็ว่าไปตามนั้น ตามกติกาส่วนอื่น

“อนุกรรมการสอบสวนพยายามทำให้ดีที่สุดตามพยานหลักฐาน เอกสารต่างๆ ตามหลักฐานที่ควรจะเป็น ส่วนรายละเอียดทั้งหมด รอให้เข้าที่ประชุมใหญ่แพทยสภาก่อน หากพูดตอนนี้ คนจะไปคาดหวังผลสอบอะไรต่างๆ ตอนนี้นอนหลับให้สบายก่อน แล้วรอดูของจริงวันประชุมใหญ่กรรมการแพทยสภาประจำเดือนเมษายน”

เมื่อขอคำตอบชัดๆ ว่า การสอบสวนที่ผ่านมา พบความผิดปกติหรือไม่ในการรักษาพยาบาล นพ.อมรระบุว่า "เรื่องรักษาพยาบาล ผมก็ว่าเขารักษาพยาบาลได้ถูกต้องนะ เราก็จะสรุปไปว่า มีการบอกว่าเจ็บป่วยกี่ครั้ง อะไรแบบนี้ แบบนี้มี เราก็สรุปไปตามเอกสารที่เราคิดว่าโอเค ถูกต้องแน่นอน ไม่มีปัญหาอะไร แต่เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน"

ถามให้ชัดอีกรอบว่า สรุปว่ารักษาผู้ป่วยถูกต้องหรือ นพ.อมรกล่าวว่า "เรื่องการรักษา ผมดูแล้ว อ่านแล้ว แต่ยังไม่อยากพูดอะไรไป เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเอาข้อมูลบางส่วนมาพูดก่อนจะไม่ดี ก็เอาเป็นว่า การตรวจสอบครบถ้วน เอาแค่นี้ก่อน รอวันที่ 10 เมษายนแล้วกัน"

  ผลสอบของแพทยสภา เรื่องทักษิณ ชินวัตร สุดท้ายจะมีการเอาผิดจริยธรรม-จรรยาบรรณ แพทย์ รพ.ตำรวจและ รพ.ราชทัณฑ์ หรือจะฟอกขาวให้หมดจด จนทำให้การรักษาตัวของทักษิณ 6 เดือนที่ รพ.ตำรวจกลายเป็นการรักษาที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ ชนิดค้านสายตาคนทั้งประเทศ

จนกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อวงการแพทย์ไทย เดือนเมษายนี้ ได้รู้กัน แม้จะเริ่มพอคาดเดาผลที่จะออกมาได้บ้างแล้วก็ตามที!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)