หากเปรียบเป็นสงครามตัวแทนระหว่าง สีแดง และ สีน้ำเงิน โดยมีคดีฮั้ว สว.เป็นเดิมพัน สถานการณ์ฝั่งพรรคภูมิใจไทยเหมือนจะเสียท่าพรรคเพื่อไทย เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเกมรุก ติดหมายเรียก 53 สว. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว.
ซึ่งหมายเรียกรวมไปถึง “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา และ “พล.อ.เกรียง ศรีรักษ์” รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ สว.ตัวตึง ค่ายสีน้ำเงิน อีกหลายคน
ไม่นับการเดินเกมเร็วของ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ผู้บังคับบัญชาดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา สว. โดยระบุว่า พบเครือข่ายทั่วประเทศ 1,200 ราย โยงคดีอั้งยี่ และฟอกเงิน ตามหลังคดีฮั้ว สว.ที่ กกต.ดำเนินการอยู่
แต่เกมไล่บี้ สว.สีน้ำเงินต้องสะดุดหยุดลง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ “บิ๊กทวี” หยุดปฏิบัติหน้าที่จากการสั่งการในดีเอสไอ เนื่องจากอาจมีมูลความผิด แทรกแซง หรือครอบงำกระบวนการตรวจสอบการเลือกตั้งวุฒิสภาที่เป็นอำนาจของ กกต. มีลักษณะความผิดไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ผู้ถูกร้องอีกคน ยังไม่มีเหตุอันสงสัยจึงไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้
ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญยังยกคำร้องของ “พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว” กลุ่ม สว.สำรอง ยื่นให้ถอดถอน “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และ 92 สว.เครือข่ายสีน้ำเงิน ที่ยื่นเอาผิด “พ.ต.อ.ทวี” และ “อธิบดีดีเอสไอ”
จึงตีความได้ว่า 2 คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาถือเป็นคุณแก่เครือข่ายสีน้ำเงิน ผลที่ตามมาเช่นนี้เครือข่ายแดงยุติการรุกไล่ สว.สีน้ำเงิน ใช่หรือไม่
แม้คนฝั่งเพื่อไทยจะพยายามใจดีสู้เสือ ไม่ว่าจะเป็น “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ หรือ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ และฝ่ายกฎหมายรัฐบาล หรือ “รมว.ยุติธรรม” เอง จะบอกว่าคดีที่อยู่ในชั้น กกต.และดีเอสไอยังเดินหน้าต่อไป เพราะอยู่ในกระบวนการแล้ว
แต่ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและ กกต. คงจะเกียร์ว่างไม่กล้าทำอะไร และคดีดังกล่าวคงตกเป็น “อัมพาต” จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน
เช่นเดียวกับ “พ.ต.อ.ทวี” ที่มีสภาพเป็น “อัมพฤกษ์” และยังไม่ทราบว่าปลายทางจะพ้นจากตำแหน่งหรือตัดสิทธิทางการเมืองหรือไม่
แม้แต่ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฝ่ายเครือข่ายสีแดงยังยอมรับว่า “ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือ เมื่อศาลวินิจฉัย และสั่งรัฐมนตรียุติการทำหน้าที่เฉพาะเรื่อง จะมีผลกดดันข้าราชการคนทำงานหรือไม่ อาจมีคนอาศัยช่องนี้ฟ้องดำเนินคดี 157 กับเจ้าหน้าที่ ทำให้คดีที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กลายเป็นเข้ารกเข้าพงไปหรือไม่”
สอดรับกับ “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ” ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจาก 92 สว. เป็นผู้ดำเนินการทั้งปวงเกี่ยวกับยื่นตรวจสอบ “พ.ต.อ.ทวี” และ ผู้เกี่ยวข้อง เหมือนกินดีหมีหัวใจเสือ ให้สัมภาษณ์ว่า เตรียมคิดบัญชีแน่!
รวมถึงยังอาจขยายผลไปที่คณะอนุฯ กกต.ชุดที่ทำการออกหมายเรียก 53 สว. ว่า จะมีการดำเนินการเอาผิดอย่างไรหรือไม่
เมื่อผลของสงครามตัวแทนระหว่างดีเอสไอและคณะ สว.ออกมาเช่นนี้ ย่อมสะเทือนไปถึงผุู้ชักใยฝ่ายสีแดง ก็คือ “นายใหญ่” โดยตรง ที่ย่อมกระอัก ยอมกลืนเลือด ล้มเลิกเกมสลายสีเสื้อ หรือล้มล้าง สว.หรือไม่
เนื่องจากผู้มีอำนาจตัวจริงต้องการให้เครือข่ายสีน้ำเงินคานอำนาจระบอบ “ทักษิณ” ในขณะเดียวกันต้องการล้อมกรอบให้จับมือ ร่วมกันต้านด้อมส้มหรือไม่
หรือจริงๆ สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านั้น อย่างเช่น ศัตรูเก่า “ทักษิณ” เชื่อว่าเป็นการล้มดีลให้พ้นกระดานการเมือง เนื่องจากเข้ามาสองปีรัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ แถมยังสร้างความขัดแย้ง และอยู่ไปจะสร้างความแตกแยกเพิ่มขึ้น
ผ่านสัญญาณเชิงลบที่สะท้อนกลับมาต่อเนื่อง เช่น แพทยสภามีมติลงดาบหมอ 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา “นายใหญ่”-ทักษิณ ชินวัตร ว่าไม่ป่วยวิกฤต ถือเป็นสารตั้งต้นในคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพร้อม หรือไต่สวนคดีชั้น 14 ในวันที่ศุกร์ที่ 13 มิ.ย. ว่า มีการบังคับคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุกหรือไม่
รวมถึงก่อนหน้า ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ” ที่ตกเป็นจำเลยในคดี 112 เดินทางไปประเทศกาตาร์ เจรจาภาษีกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” เพราะเกรงว่าจะหนีคดีใช่หรือไม่
แตกต่างจากสถานการณ์ของหัวขบวนสีน้ำเงินอย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่มีอำนาจพิเศษเชิงบวกหนุนหลัง สะท้อนผ่านการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในช่วงที่ผ่านมา และเด่นชัดยิ่งตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ระหว่างผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1
"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม

